ความหมายของทัศนศิลป์ ทัศนศิลป์
คือ กระบวนการถ่ายทอดผลงานทางศิลปะ การทำงานศิลปะอย่างมีจิตนาการความคิดสร้างสรรค์มีระบบระเบียบเป็นขั้นเป็นตอน การสร้างสรรค์งานอย่างมีประสิทธิภาพสวยงาม มีการปฏิบัติงานตามแผนและมีการพัฒนาผลงานให้ดีขึ้นต่อเนื่อง ทัศนศิลป์คือการรับรู้ทางจักษุประสาท โดยการมองเห็น สสาร วัตถุ
และสรรพสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบ
รวมถึงมนุษย์ และสัตว์ จะด้วยการหยุดนิ่ง
หรือเคลื่อนไหวก็ตาม หรือจะด้วยการปรุงแต่ง
หรือไม่ปรุงแต่งก็ตาม ก่อให้เกิดปัจจัยสมมุติต่อจิตใจ และอารมณ์ของมนุษย์ อาจจะเป็นไปในทางเดียวกันหรือไม่ก็ตาม
ทัศนศิลป์เป็นการแปลความหมายทางศิลปะ ที่แตกต่างกันไปแต่ละมุมมอง ของแต่ละบุคคล ในงานศิลปะชิ้นเดียวกัน
ซึ่งไร้ขอบเขตทาจินตนาการ ไม่มีกรอบที่แน่นอน ขึ้นกับอารมณ์ของบุคคลในขณะนั้น
ทัศนศิลป์ เป็นส่วนหนึ่งของวิจิตรศิลป์ ซึ่งเป็นศิลปะที่เน้นคุณค่าทางด้านจิตใจและอารมณ์เป็นสำคัญ
ทัศนศิลป์ มีความหมายตรงกับภาษาอังกฤษว่า Visual Art หมายถึง ศิลปะที่มองเห็น หรือศิลปะที่สามารถสัมผัส รับรู้ ชื่นชมด้วยประสาทตา สัมผัสจับต้องได้ และกินเนื้อที่ในอากาศ
ทัศนศิลป์ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ จิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม ความสำคัญของทัศนศิลป์
ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงสมัยปัจจุบัน เราพบเห็นความสามารถในผลงานของมนุษย์ ทั้งด้านความคิด ฝีมือ ที่ได้พยายามจินตนาการ คิดค้น เพื่อสนองความต้องการในการดำรงชีวิตประจำวัน ให้ทั้งประโยชน์ใช้สอย และสิ่งสวยงามประณีต เพื่อจรรโลงด้านจิตใจ ความเชื่อ ความศรัทธา ไว้ประดับโลก นอกจากนี้ยังต้องการให้ผู้พบเห็นเกิดความรู้สึกรับรู้ คล้อยตามชื่นชมไปด้วย ลักษณะและประเภทของศิลปะ ศิลปะเป็นศาสตร์ที่มีขอบเขตกว้างขวางมาก
ยากที่จะตัดสิน
หรือชี้เฉพาะเจาะจงไปได้ว่าเป็นอย่างไร
ศิลปะบางชิ้นไม่สามารถจัดกลุ่ม
จัดประเภทได้
ในขณะที่ผลงานศิลปะบางชิ้นเป็นผลรวมของศิลปะอีกหลายประเภทรวมกัน
แต่เพื่อให้ง่ายต่อการศึกษา
โดยทั่วไปแล้วเรามักจะจัดแบ่งศิลปะออกเป็นประเภทต่าง ๆ
ดังต่อไปนี้ ความเป็นมาของงานจิตรกรรม ความหมายของจิตรกรรม จิตรกรรม
(Painting) หมายถึง การวาดภาพ ระบายสี ประกอบด้วย เป็นการถ่ายทอดความงามและความรู้สึกนึกคิดลงบนพื้นระนาบ 2 มิติโดยใช้เส้น
รูปร่าง
รูปทรง
สี แสง เงา ฯลฯ สร้างสรรค์ให้เกิดภาพลวงตา
มีความตื้น-ลึก ระยะใกล้-ไกล มองเห็นเป็นภาพ 3 มิติ เราเรียกผู้สร้างสรรค์งานจิตรกรรมว่า "จิตรกร" ความหมายของทัศนธาตุ ทัศนธาตุหมายถึงอะไร ทัศนธาตุ (Visual
Elements) ในทางทัศนศิลป์ หมายถึง ส่วนประกอบของศิลปะที่มองเห็นได้
จุด (Dot) หมายถึง รอยหรือแต้มที่มีลักษณะกลม ๆ ปรากฏที่พื้นผิว ซึ่งเกิดจากการจิ้ม กด กระแทก
ด้วยวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ดินสอ ปากกา
พู่กัน และวัสดุปลายแหลมทุกชนิด จุด เป็นต้นกำเนิดของเส้น รูปร่าง
รูปทรง แสงเงา พื้นผิว ฯลฯ เช่น
นำจุดมาวางเรียงต่อกันจะเกิดเป็นเส้น
และการนำจุดมาวางให้เหมาะสม
ก็จะเกิดเป็นรูปร่าง รูปทรง และลักษณะผิวได้
เส้น (Line) หมายถึง การนำจุดหลาย ๆ จุดมาเรียงต่อกันไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งเป็นทางยาว หรือสิ่งที่เกิดจากการขูด ขีด เขียน
ลาก ให้เกิดเป็นริ้วรอย เส้นนอน ให้ความรู้สึกกว้างขวาง
เงียบสงบ
นิ่ง
ราบเรียบ
ผ่อนคลายสายตา เส้นกับความรู้สึกที่กล่าวมานี้เป็นเพียงแนวทางหนึ่ง
ไม่ใช่ความรู้สึกตายตัว
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ร่วมกับส่วนประกอบอื่น ๆ
เช่น
เส้นโค้งคว่ำลง
ถ้านำไปเขียนเป็นภาพปากในใบหน้าการ์ตูนรูปคน
ก็จะให้ความรู้สึกเศร้า
ผิดหวัง
เสียใจ
แต่ถ้าเป็นเส้นโค้งหงายขึ้น
ก็จะให้ความรู้สึก
อารมณ์ดี
เป็นต้น รูปร่างและรูปทรง รูปร่าง (Shape) หมายถึง เส้นรอบนอกทางกายภาพของวัตถุ สิ่งของเครื่องใช้ คน สัตว์
และ พืช มีลักษณะเป็น 2 มิติ มีความกว้างและความยาว รูปร่าง แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ รูปทรง (Form) หมายถึง โครงสร้างทั้งหมดของวัตถุที่ปรากฏแก่สายตาในลักษณะ 3 มิติ
คือมีทั้งส่วนกว้าง
ส่วนยาว
ส่วนหนาหรือลึก
คือ จะให้ความรู้สึกเป็นแท่ง
มีเนื้อที่ภายใน
มีปริมาตร
และมีน้ำหนัก น้ำหนักอ่อน-แก่
(Value) หมายถึง จำนวนความเข้ม ความอ่อนของสีต่าง ๆ และแสงเงาตามที่ประสาทตารับรู้ เมื่อเทียบกับน้ำหนักของสีขาว-ดำ ความอ่อนแก่ของแสงเงาทำให้เกิดมิติ เกิดระยะใกล้ไกลและสัมพันธ์กับเรื่องสีโดยตรง สี (Colour)
หมายถึง
สิ่งที่ปรากฏอยู่ทั่วไปรอบ ๆ ตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นสีที่เกิดขึ้นเองในธรรมชาติ หรือ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น สีทำให้เกิดความรู้สึกแตกต่างมากมาย เช่น ทำให้รู้สึกสดใส ร่าเริง ตื่นเต้น หม่นหมอง หรือเศร้าซึมได้ เป็นต้น สีและการนำไปใช้ บริเวณว่าง (Space) หมายถึง บริเวณที่เป็นความว่างไม่ใช่ส่วนที่เป็นรูปทรงหรือเนื้อหาในการจัดองค์ประกอบใดก็ตามถ้าปล่อยให้มีพื้นที่ว่างมากและให้มีรูปทรงน้อย การจัดนั้นจะให้ความรู้สึกอ้างอ้าง โดดเดี่ยว พื้นผิว (Texture) หมายถึง พื้นผิวของวัตถุต่าง ๆ ที่เกิดจากธรรมชาติและมนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น พื้นผิวของวัตถุที่แตกต่างกัน ย่อมให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันด้วย
|