![](thrpsirin.files/lo_go.jpg)
โรงเรียนเทพศิรินทร์ (ชื่อภาษาอังกฤษ: Debsirin School) เป็นโรงเรียนรัฐบาลสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งอยู่เลขที่ 1466 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดเทพศิรินทราวาส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร โรงเรียนเทพศิรินทร์เป็นโรงเรียนชายล้วน ซึ่งได้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2428 ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ปัจจุบันนี้ได้เป็นหนี่งในโรงเรียนเครือจตุรมิตรซึ่งประกอบด้วย โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนเทพศิรินทร์ โรงเรียนอัสสัมชัญและโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย เรียงตามลำดับที่ปรากฏในเพลงจตุรมิตรสามัคคี
ซึ่งเป็นโรงเรียนในเขตกรุงเทพมหานครด้วยกันได้มีการแข่งขันฟุตบอลประเพณีและ การแปรอักษรร่วมกันทุกๆ 4 ปี
ประวัติโรงเรียน
ในปี
พ.ศ. 2419 องค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมายุครบเบญจเพส
จึงทรงมีพระราชดำริที่จะสร้างพระอารามเพื่อทรงอุทิศพระราชกุศลถวายสนองพระเดชคุณแด่องค์พระราชชนนี
คือ สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาวัดเทพศิรินทราวาสขึ้น
โรงเรียนเทพศิรินทร์ ได้รับการสถาปนาจาก
องค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2428 ด้วยพระราชปรารภที่จะทำนุบำรุงการศึกษาเล่าเรียนให้เจริญแพร่หลายขึ้นโดยรวดเร็วจึงทรงมีพระบรมราชโองการให้จัดการศึกษาสำหรับราษฎรขึ้น
โดยพระเจ้าน้องยาเธอพระองค์เจ้าดิศวรกุมาร (กรมพระยาดำรงราชานุภาพ) ได้จัดตั้งโรงเรียนปริยัติธรรมบาลี ขึ้นภายใน วัดเทพศิรินทราวาส โดย
ในช่วงแรกของการจัดตั้งโรงเรียนนั้น โรงเรียนเทพศิรินทร์ได้อาศัยศาลาการเปรียญภายในวัดเทพศิรินทราวาสเป็นที่ทำการเรียนการสอน
ครั้นถึง พ.ศ. 2438 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ได้ทรงดำริที่จะสร้างตึกเรียนสำหรับวัดเทพศิรินทราวาสขึ้น เพื่ออุทิศพระกุศล สนองพระเดชพระคุณแห่งองค์ สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี พระชนนี และเพื่ออุทิศพระกุศลแก่ หม่อมแม้น
ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา ชายาของพระองค์
ตึกเรียนหลังแรกนี้ได้รับการออกแบบให้มีศิลปะเป็นแบบโกธิคซึ่งถือว่าเป็นอาคารศิลปะโกธิคยุคแรกและมีที่เดียวในประเทศไทยโดยสมเด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอเจ้าฟ้านริศรานุวัดติวงศ์เป็นผู้ออกแบบ
และในการนี้พระยาโชฏึกราชเศรษฐี ได้บริจาคทุนทรัพย์เพื่อสร้างตึกอาคารเรียนขึ้นด้านข้างของตึกเรียนหลังแรกอีกด้วย
ตราประจำโรงเรียนเทพศิรินทร์
ภาพอาทิตย์อุทัยทอแสงบนพื้นน้ำทะเล หมายถึง “ภาณุรังษี” และ “วังบูรพาภิรมย์” โดย “ภาณุรังษี” นี้เป็นพระนามของสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข
เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ผู้ทรงประทานตรานี้ให้แก่โรงเรียนเมื่อปี
พ.ศ. 2467 พระองค์ทรงมีพระคุณอเนกอนันต์แก่โรงเรียน
อาทิทรงเป็นผู้ทูลขอให้ทรงสถาปนาโรงเรียนต่อองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. 2548 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการสถาปนาโรงเรียนแบบถาวรและทรงถือว่าโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนในดูแลของพระองค์ด้วย
อักษรประดิษฐ์ “ม” หมายถึง “หม่อมแม้น
ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา” ชายาอันเป็นที่รักของสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข
เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เพื่อเป็นอนุสาวรีย์ที่ระลึกถึงหม่อมแม้น
ว่าถ้าไม่มีหม่อนแม้น การกำเนิด ตึกแม้นนฤมิตร ก็คงไม่มี ดังนั้นโรงเรียนเทพศิรินทร์ก็คงไม่มี
จึงเป็นความหมายที่ควรระลึกไว้
ช่อดอกรำเพย หมายถึง พระนามแห่งองค์สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี
ทรงมีพระนามเดิมว่า “พระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์” พระบรมราชชนนีของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข
เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ซึ่งทั้งสองพระองค์ทรงสร้างพระอารามและโรงเรียนเพื่อเป็นพระราชกุศลแด่พระบรมราชชนนี
ทำเครื่องหมายดอกรำเพยไว้เพื่อให้คนรุ่นหลัง รู้ไว้ว่าพระนามเทพศิรินทร์นี้ได้มาจากพระองค์ท่าน
เป็นพระนามมหามงคลยิ่งควรรักษาไว้ให้ดี
สีประจำโรงเรียน คือ “สีเขียวและสีเหลือง” เป็นสีประจำวันพฤหัสบดี
ตามตำราพิชัยสงคราม (สวัสดิรักษา)
ซึ่งวันพฤหัสบดีนั้นเป็นวันประสูติของสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ในรัชกาลที่ 4 อีกทั้งยังเป็นสีของใบและดอกของต้นรำเพย
ซึ่งเป็นพระนามเดิมของสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี คือ “พระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์” ดอกรำเพย จึงถือเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของโรงเรียนเทพศิรินทร์
พุทธสุภาษิตประจำโรงเรียน “น สิยา โลกวฑฺฒโน” ความหมายคือ “ไม่ควรเป็นคนรกโลก” เป็นพุทธสุภาษิตซึ่งสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร)
เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์องค์ที่ 5 ได้ประสาทให้แก่โรงเรียน
และท่านอธิบายความหมายของพุทธสุภาษิตบทนี้ว่า “คนเราบางคน
เกิดมารกโลก ทำนองเดียวกับติณชาติที่หาประโยชน์อะไรมิได้ ทำให้เสียเงินทองกำจัด
และรกชัฏขวากหนาม บางอย่างเป็นศัตรูแก่โลกไม่เป็นประโยชน์
มนุษย์ที่ไม่มีเมตตากรุณา คอยแต่จะเบียดเบียยนผู้อื่น
จัดว่าเป็นคนรกโลก อย่าเกิดมาเลยเสียดีกว่า สู้สัตว์บางชนิดก็ไม่ได้”
ประวัติการสร้างตึกและอาคารเรียน
ปี
พ.ศ. 2445 ตึกเรียนหลังแรกของโรงเรียนได้สร้างเสร็จและได้ทำพิธีเปิดการเรียนการสอนในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2445 ด้วยพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานนามตึกเรียนหลังนี้ว่า ตึกแม้นนฤมิตร และ
ได้พระราชทานนามโรงเรียนว่า "เทพศิรินทร์" อีกทั้งยังทรงมีพระราชดำริให้ย้ายโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย มายังตึกแม้นนฤมิตรอีกด้วย
เพื่อรอการก่อสร้างตึกอาคารเรียนที่โรงเรียนนั้น
ตึกเรียนหลังที่สามของโรงเรียนเทพศิรินทร์นั้นเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2453 องค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานทรัพย์ซึ่งเป็นมรดกของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
เจ้าฟ้าเยาวมาลย์นฤมล กรมขุนสวรรคโลกลักษณวดี ให้กระทรวงศึกษาธิการทำการจัดสร้างตึกขึ้นด้านตรงกันข้ามของตึกแม้นนฤมิตร โดยตึกเรียนหลังนี้ยังคงศิลปะโกธิค ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของโรงเรียนเทพศิรินทร์ อาคารเรียนหลังนี้สร้างเสร็จในปีถัดมา พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระราชทานนามว่า เยาวมาลย์อุทิศ สำหรับเครื่องครุภัณฑ์ต่างๆในอาคารนั้น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ
เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ ทรงเป็นผู้ติดต่อให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามาลินีนพดารา กรมขุนศรีสัชนาลัยสุรกัญญาและสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
เจ้าฟ้านิภานภดล กรมขุนอู่ทองเขตขัตตินารี ได้ทรงร่วมกันบริจาค
ปี
พ.ศ. 2474 โรงเรียนเทพศิรินทร์ได้เปิดใช้อาคารเรียนอีกหลังหนึ่งคือ ตึกปิยราชบพิตรปดิวรัดา ตึกนี้เกิดขึ้นจากที่นายพลเอกสมเด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอเจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร
กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ ได้ทรงให้สร้างขึ้น
เพื่อเป็นการอุทิศพระกุศลถวาย แด่พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์
กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา พระมารดาของ พระองค์ ตึกเรียนอยู่ติดกันกับตึกเยาวมาลย์อุทิศ
โดยตึกหลังนี้ก็ยังคงไว้ซึ่งศิลปะโกธิค
ในปี
พ.ศ. 2475 โรงเรียนเทพศิรินทร์ ได้รับเกียรติยศอันสูงสุดที่มีพระองค์เจ้าเล็กๆ พระองค์หนึ่งมาทรงเข้ารับการศึกษา
หลังจากนั้นอีกเพียง 2 ปี พระองค์เจ้าอานันทมหิดลก็ได้เสด็จเถลิงถวัลย์ครองสิริราชสมบัติ
เป็นพระมหากษัตริย์ องค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงมีความผูกพันกับ โรงเรียนเทพศิรินทร์มาโดยตลอด ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมแก่
โรงเรียนเทพศิรินทร์ สมาคมนักเรียนเก่าฯ ตลอดจนมวลหมู่ลูกแม่รำเพยทุกคน
ด้วยเหตุที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟนั้น
เป็นเหตุให้โรงเรียนไม่สามารถหนีจากหายนะของสงครามนี้ได้ โดยเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2488 ตึกแม้นนฤมิตร์ และ ตึกโชฎึกเลาหเศรษฐี ตึกเรียนสองหลังแรกของโรงเรียนได้รับภัยทางอากาศจากการทิ้งระเบิดทำให้ไม่สามารถใช้ทำการเรียนการสอน ได้อีกตลอดทั้งอาคารเรียนอีกหลายๆหลังก็ได้รับความเสียหายพอสมควร
จากการที่แหล่งรวมจิตใจของชาวเทพศิรินทร์ได้ถูกภัยสงคราม ทางกระทรวงศึกษาธิการ วัดเทพศิรินทราวาส ตลอดถึงสมาคมนักเรียนเก่าฯ
ได้ร่วมกันสร้างอาคารหลังใหม่ขึ้นมาทดแทนโดยคงศิลปะโกธิคอยู่เช่นเดิม
อาคารหลังใหม่นี้ได้รับการขนานนามว่า ตึกแม้นศึกษาสถาน
โรงเรียนเทพศิรินทร์ ได้มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จึงเป็นเหตุให้ต้องมีการขยายห้องเรียนขึ้น จนในปี
พ.ศ. 2513 ทางโรงเรียนได้ร่วมกับสมาคมนักเรียนเก่าฯ ขออนุญาตทางวัดเทพศิรินทราวาส ใช้อาคารของทางวัดหลังหนึ่งเพื่อเป็นที่ทำการเรียนการสอนอาคารนั้นมีชื่อว่า ตึกนิภานภดล โดยอาคารนี้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านิภานภดล กรมขุนอู่ทองเขตขัตตินารี ได้สร้างขึ้นถวายแก่วัดเทพศิรินทราวาส เพื่อเป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรม สำหรับพระภิกษุสามเณร
แต่ด้วยการพัฒนาโรงเรียนไปอย่างรวดเร็วมาก
ทำให้จำนวนห้องเรียนไม่เพียงพอ จึงทำให้ต้องมีการสร้างตึกเรียนขึ้นมาใหม่
ทำให้ทางโรงเรียนต้องมีการรื้อถอนตึกเรียนเดิม 2 หลังคือ ตึกเยาวมาลย์อุทิศ และ ตึกปิยราชบพิตรปดิวรัดา สำหรับตึกใหม่ที่สร้างขึ้นทดแทนเป็นอาคารเรียน 6 ชั้น
และได้ใช้ชื่อว่า ตึกเยาวมาลย์อุทิศปิยราชบพิตรปดิวรัดา ตามตึกเรียนสองหลังเดิม ซึ่งในครั้งนั้นสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ
เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดีเสด็จพระดำเนินมาในการวางศิลาฤกษ์ด้วย
โรงเรียนเทพศิรินทร์ ได้เติบโตขึ้นเป็นลำดับจำนวนนักเรียนมากขึ้นทุกปี
จึงได้มีการสร้างอาคารเรียนเพิ่มเติมอีกคือ อาคารภาณุรังษี, อาคารรัชมังคลาภิเษก2531 และ อาคารเทิดพระเกียรติ
นักเรียนเก่าที่มีชื่อเสียง
- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8
(พระองค์ทรงเข้ารับการศึกษาเมื่อปี พ.ศ. 2475 เลขประจำพระองค์ 2329)
- พระเจ้าวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร
กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต (ท.ศ. 970)
- พระเจ้าวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ยุคล (ท.ศ. 1489)
- พระเจ้าวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ
- พระวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าพีระพงศ์ภาณุเดช (ท.ศ. 1705)
- ฯพณฯ ตนกูอับดุล ราห์มาน อดีตหัวหน้าพรรคแนวร่วมองค์การชาตินิยมมลายู
(พรรคอัมโน)
ทำเนียบผู้บริหารโรงเรียน
รายนามผู้อำนวยการ
|
วาระการดำรงตำแหน่ง
|
นายเปลี่ยน
|
พ.ศ. ๒๔๓๑
|
พระยาโอวาทวรกิจ
|
มิถุนายน ๒๔๔๕ - เมษายน ๒๔๔๖
|
พระยาจรัลชวะนะเพท
|
๒๗ เมษายน ๒๔๔๖
|
ขุนอนุศิษฐ์วิบูลย์
|
พ.ศ. ๒๔๓๕
|
นายเอฟ.ยี.เทรส์
|
๑๖ มิถุนายน ๒๔๔๕ - ๒๔๕๐
|
นายเอช.อี.สไปวีส์
|
๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๐ - ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๒
|
นายตี.ยัดจ์
|
๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๒ - ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๒
|
นายเย.เอช.เซดชวิค
|
๑๗ พ.ศ. ๒๔๖๒ - ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๓
|
นายเอ็น.แอล.เซลลีย์
|
๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๓
|
พระสันธิวิทยาพัฒน์
|
๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ - มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙
|
พระดรุณพยุหรักษ์
|
๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ -๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๑
|
หลวงชุณหกสิการ
|
๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๑ -ต้นปี พ.ศ. ๒๔๘๒
|
หลวงสวัสดิสารศาสตรพุทธิ
|
ต้นปี พ.ศ. ๒๔๘๒ - พ.ศ. ๒๔๘๕
|
นายถวิล ดารากร ณ อยุธยา
|
พ.ศ. ๒๔๘๕ - ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๐
|
หลวงจรัสการคุรุกรรม
|
๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๐ - ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๑
|
นายสวัสดิ์ ภูมิรัตน์
|
๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๑ - ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๐๒
|
นายดำรง มัธยมนันทน์
|
๑๗ พฤษภาาคม พ.ศ. ๒๕๐๓ - ๑
พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๐๖
|
นายบุญอวบ บูรณะบุตร
|
๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๗ - ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๘
|
นายเจตน์ แก้วโชติ
|
๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ - ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๐
|
นายเจือ หมายเจริญ
|
๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ - ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๓
|
นายชาลี ถาวรานุรักษ์
|
๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๓ - ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๐
|
นายอุดม วัชรสกุณี
|
๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ - ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๓
|
นายณรงค์ กาญจนานนท์
|
ปลายปี พ.ศ. ๒๕๓๓ - ปลายปี พ.ศ. ๒๕๔๒
|
นายมังกร กุลวานิช
|
ปลายปี พ.ศ. ๒๕๔๒ - พ.ศ. ๒๕๔๖
|
นายสมชัย เชาว์พานิช
|
พ.ศ. ๒๕๔๖ - พ.ศ. ๒๕๔๗
|
นายประกาศิต ยังคง
|
พ.ศ. ๒๕๔๗ -พ.ศ. ๒๕๕๑
|
นายคงวุฒิ ไพบูลย์ศิลป
|
พ.ศ. ๒๕๕๑ - พ.ศ. ๒๕๕๒
|
นายสุทธิศักดิ์ เฟื่องเกษม
|
พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
|
นายปรเมษฐ์ โมลี
|
พ.ศ. ๒๕๕๕ - ปัจจุบัน
|
|