ประวัติน่าสนใจของหลวงพระบาง เมืองมรดกโลก
หลวงพระบางเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังในระดับโลก สำหรับคนไทยหลวงพระบางก็มีประวัติศาสตร์ที่เคียงคู่มาด้วยกันเสมอๆ นับตั้งแต่ยุคสมัยเชียงแสน ล้านช้าง ด้วยความที่เป็นเมืองติดแม่น้ำโขงที่สวยงาม มีวัดวาอารามเก่าแก่มากมาย ที่ยังคงสถาปัตยกรรมอันสวยงามยากจะหาที่ไหนเหมือนได้ ด้วยเอกลัษณ์และความสวยงามของเมือง ตึกรามบ้านช่อง ที่ได้รับอิทธิพลจากสมัยยุคล่าอาณานิคม ทำให้มีอาคารในรูปแบบสถาปัตยกรรม โคโลเนียลสไตล์ อยู่ทั่วไป ตัวเมืองยังมีที่ตั้งที่สวยงามล้อมรอบด้วยแม่น้ำสองสาย คือ น้ำโขงและน้ำคาน และยังคงมีธรรมชาติอันสวยงามอยู่รายรอบเมือง รวมทั้งขนบธรรมเนียมประเพณีที่ยังคงสวยงามและสืบสานมาจนทุกวันนี้ สิ่งเหล่านี้ทำให้เมืองหลวงพระบางได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลก และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทั้งเมืองนะครับ ไม่ใช่แค่บางจุดของเมือง เพราะอย่างในหลายๆที่ มรดกโลกแห่งอื่น อาจได้ขึ้นทะเบียนอย่างจำเพาะเจาะจง ในโบราณสถานบ้าง ในแหล่งธรรมชาติบ้าง แต่ของหลวงพระบางนั้นทั้งเมือง และถูกขึ้นทะเบียนเป็ยมรดกโลกเมื่อธันวาคม พ.ศ. 2538 และยังได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองที่ได้รับการปกปักษ์รักษา ที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตอนนี้เรามาทำความรู้จักเมืองหลวงพระบางกันหน่อยว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร เวลาเราไปเที่ยวเราจะได้เข้าใจทั้งวิถีชีวิตและสิงต่างๆที่หล่อหลอมให้กลายมาเป็นหลวงพระบางอย่างที่เห็นในทุกวันนี้
ภาพเมืองหลวงพระบางมองลงมาจากวัดพูสี ซึ่งอยู่บนเขากลางเมืองหลวงพระบาง
ประวัติเมือง หลวงพระบาง ในอดีตเดิมทีหลวงพระบางเคยเป็น เมืองหลวงเก่าของลาวมาก่อน ในยุคสมัยอาณาจักรล้านช้าง เมื่อองค์การยูเนสโก้ ยกให้หลวงพระบางเป็นเมืองมรดกโลก ชื่อของหลวงพระบางจึงเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก การท่องเที่ยวเมืองหลวงพระบางจึง กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของลาว จะเรียกอย่างนั้นก็คงไม่ผิด ในสมัยที่เมืองหลวงพระบางเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรล้านช้างนั้น มีพระเจ้าฟ้างุ้มเป็นผู้รวบรวมแว่นแคว้นต่างๆ ของชนเผ่าไท-ลาวในเขตลุ่มน้ำโขง แม่น้ำคาน แม่น้ำอู ก่อตั้งอาณาจักรล้านช้างขึ้นมา โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่หลวงพระบาง ในช่วงปี พ.ศ. 1896-1916 โดยการช่วยเหลือของกษัตริย์ขอม (เพราะมเหสีของเจ้าฟ้างุ้ม คือพระราชธิดาของกษัตริย์ขอมในขณะนั้น) พร้อมๆ กับการรับเอาพุทธศาสนา เข้ามาแทนการนับถือผี ลาว เป็นประเทศหนึ่งที่สืบเชื้อสายบรรพบุรุษเดียวกับชาวไทย แต่ลาวมีชนกลุ่มน้อยมากมายหลายเผ่า ลาวแท้ๆ มีเพียง 50 เปอร์เซนต์เท่านั้น ซึ่งมักจะอาศัยอยู่ที่ราบริมน้ำโขง ส่วนชาวเขานิยมอยู่บนเทือกเขา
ภาพวาดโบราณแสดงวัดในหลวงพระบาง สถาปัตยกรรมสวยงามล้ำค่ามาก
ที่มาของชื่อ "หลวงพระบาง" นั้นต้องท้าวความกลับไปก่อนหน้าที่จะมีชื่อนี้ จากชื่อเดิมของอาณาจักรล้านช้างมีชื่อเรียกว่า "เมืองชวา" ประมาณปี พ.ศ. 1900 มีการเปลี่ยนชื่อ จากชื่อมาเป็น "เมืองเชียงทอง" อันเนื่องมาจากมีชาวชวาอาศัยอยู่มากกว่ากลุ่มอื่น กระทั่งกษัตริย์ขอมได้พระราชทานพระพุทธรูปองค์หนึ่ง มีชื่อว่า พระบาง เป็นพระพุทธรูปศิลปะสิงหล เจ้าฟ้างุ้มจึงทรงเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น "หลวงพระบาง" และเรียกมาจนทุกวันนี้ ปี พ.ศ. 2088 พระเจ้าโพธิสารราชเจ้า โปรดฯ ให้ย้ายเมืองหลวงของอาณาจักรล้านช้าง ไปอยู่ที่เมืองเวียงจันทน์ แม้หลวงพระบาง จะไม่ได้เป็นเมืองหลวงต่อไป แต่เจ้ามหาชีวิต(กษัตริย์) ยังคงประทับที่เมืองหลวงพระบาง ต่อมาอาณาจักรล้านช้างแตกออกเป็นสามอาณาจักร คือ 1.อาณาจักรล้านช้าง หลวงพระบาง 2.อาณาจักรล้านช้าง เวียงจันทน์ 3.อาณาจักรล้านช้าง จำปาศักดิ์ กษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านช้าง ยังคงสืบทอดราชบัลลังก์กระทั่งถึงยุคสิ้นสุดของราชวงศ์ อันมีสาเหตุหลักมาจากตกเป็นเมืองขึ้นของสยาม เวียตนาม และฝรั่งเศส เหตุนี้เองหลวงพระบางจึงมาความเป็นมายาวนาน เป็นราชธานีเก่าแก่ วัดวาอารามมากมาย และมีธรรมชาติที่สวยงาม ปัจจุบันเมืองหลวงพระบางมีประชากรประมาณห้าแสนคน ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ที่ตั้ง : ตัวเมืองหลวงพระบางนั้น ตั้งอยู่ริมแม่น้ำคาน ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขง อยู่ทางเหนือของประเทศลาว
ขอขอบคุณเว็บไซต์ http://luangprabang.sadoodta.com/บทความ/ประวัติน่าสนใจของหลวงพระบาง-เมืองมรดกโลก
|