บทเสภา ขุนช้างขุนแผน ตอน กำเนิดพลายงาม
เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าฯ ให้ชำระเสภาขุนช้างขุนแผน ได้ทรงประชุมกวีเอกสมัยนั้น ช่วยกันแต่งคนละตอนสองตอน สุนทรภู่ก็ได้รับมอบหมายให้ร่วมแต่งด้วย และท่านคงต้องแต่งอย่างสุดฝีมือ เพราะถือเป็นการประกวด ประขันฝีปากกันอย่างเต็มความสามารถ เรื่องขุนช้างขุนแผนนี้ ถือว่าเป็นเพชรเม็ดงามเม็ดหนึ่งของวรรณกรรมไทย ด้วยอุดมไปด้วย คุณค่าทางวรรณศิลป์อย่างครบถ้วน ทั้งความประณีตบรรจงในการแต่ง กระบวนกลอนเล่นสัมผัสอย่างไพเราะและมีเนื้อความดีตลอดเรื่อง สอดแทรกแง่คิดเกี่ยวกับชีวิต และสามารถสร้างอารมณ์สะเทือนใจแก่ผู้อ่านให้เห็นภาพและซาบซึ้งไปกับตัวละครได้อย่างดีเยี่ยม
เนื้อเรื่องตอนนี้เริ่มจากนางวันทองมาอยู่กับขุนช้าง ส่วนขุนแผนถูกจำคุกอยู่ที่เมืองหลวง ขณะนั้นนางวันทอง มีครรภ์ เมื่อครบสิบเดือน จึงได้ให้กำเนิดบุตรชาย นางให้ชื่อลูกว่า พลายงาม พลายงามยิ่งโตก็ยิ่งงาม หน้าตาละม้ายคล้ายพ่อ คือขุนแผน จนอายุได้เก้าขวบ ขุนช้างรู้ว่าไม่ใช่ลูกของตน จึงลวงไปทำร้าย และเอาท่อนไม้ทับจะให้ตาย ขุนช้างทิ้งพลายงามไว้ในป่า แต่พรายของขุนแผนช่วยไว้ได้
ดูครึ้มครึกพฤกษาป่าสงัด
จังหรีดร้องก้องเสียงเคียงเรไร
ดุเหว่าร้องมองเมียงเสียงว่าแม่
อยู่นี่แน่แม่จ๋าจงมารับ
|
ไม่แกว่งกวัดก้านกิ่งประวิงไหว
ทั้งลองไนเรื่อยแร่แวแววับ
ยืนชะแง้แลดูเงี่ยหูตรับ
วิ่งกระสับกระสนวนเวียนไป |
พรายของขุนแผนมากระซิบบอกนางวันทองให้ทราบเรื่องที่ขุนช้างจะฆ่าพลายงาม นางจึงรีบออกไปตามหาลูก
ออกนอกรั้วตัวคนเดียวเที่ยวเดินไป
เห็นคุ่มคุ่มพุ่มไม้ใจจะขาด
เจ้าไปไหนไม่มาหาแม่เลย
ฤาล้มตายควายขวิดงูพิษขบ
ยิ่งเย็นย่ำค่ำคลุ้มชอุ่มมัว
เสียงซ้อแซ้แกกาผวาว่อน
จักจั่นเจื้อยร้องริมลองไน
ทั้งเป็ดผีปี่แก้วแว่วแว่วหวีด
นางวันทองมองหาละล้าละลัง
จะบนหมูสุราร่ำว่าครบ
แล้วลดเลี้ยวเที่ยวแลชะแง้เงย
ตะโกนเรียกพลายงามทรามสวาท
สะอื้นโอ้โพล้เพล้เดินเอกา
เห็นฝูงนกกกบุตรยิ่งสุดเศร้า
ชะนีโหวยโหยหวนรัญจวนใจ
พอแว่วแว่วแจ้วเสียงสำเนียงเรียก
ตรงเซิงซุ้มคุ่มเคียงนางเมียงมอง
ความดีใจไปกอดเอาลูกแก้ว
เป็นไรไม่ไปเรือนเที่ยวเชือนแช
|
โอ้อาลัยเหลียวแลชะแง้เงย
พ่อพลายงามทรามสวาทของแม่เอ๋ย
ที่โคกเคยวิ่งเล่นไม่เห็นตัว
ไฉนศพสาบสูญพ่อทูนหัว
ยิ่งเริ่มรัวเรียกร่ำระกำใจ
จิ้งจอกหอนโหยหาที่อาศัย
เสียงเรไรหริ่งหริ่งที่กิ่งรัง
เสียงจังหรีดกรีดแซ่ดังแตรสังข์
ฤาผีบังซ่อนเร้นไม่เห็นเลย
ขอให้พบลูกตัวทูนหัวเอ๋ย
โอ้ทรามเชยหลากแล้วพ่อแก้วตา
ใจจะขาดคนเดียวเที่ยวตามหา
สกุณานอนรังสะพรั่งไพร
โอ้ลูกเราไม่รู้ว่าอยู่ไหน
ยิ่งอาลัยแลหาน้ำตานอง
นึกสำเหนียกหลายหนขนสยอง
เห็นลูกร้องไห้สะอื้นยืนเหลียวแล
แม่มาแล้วอย่ากลัวทูนหัวแม่
แม่ตามแต่ตะวันบ่ายเห็นหายไป |
พลายงามร้องไห้เล่าให้แม่ฟังเรื่องที่ถูกขุนช้างทำร้าย นางจึงบอกความจริงแก่ลูกว่า บิดาที่แท้จริงคือขุนแผน ขณะนั้นถูกจำคุกอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา ย่าของพลายงามชื่อนางทองประศรี อยู่ที่วัดเชิงหวายเมืองกาญจนบุรี เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ พลายงามคงอยู่บ้านกับมารดาต่อไปไม่ได้ วันทองตัดสินใจนำลูกไปฝากไว้ที่วัดก่อน
อ้ายศัตรูรู้ความจะตามมา
แล้วพากันดั้นดัดไปวัดเขา
แล้วเล่าความตามจริงทุกสิ่งไป
เอาลูกอ่อนซ่อนไว้เสียในห้อง
ท่านขรัวครูผู้เฒ่าว่าเอาวะ
|
แม่จะพาเจ้าไปฝากขรัวนาคไว้
เห็นสมภารคลานเข้าไปกราบไหว้
เจ้าคุณได้โปรดด้วยช่วยธุระ
เผื่อพวกพ้องเขามาหาอย่าให้ปะ
ไว้ธุระเถิดอย่ากลัวที่ผัวเลย
|
นางวันทองพาพลายงาม ไปฝากไว้กับสมภารชื่อขรัวนาค คืนนั้นเป็นครั้งแรกที่พลายงามอยู่ห่างบ้าน ทั้งใจยังหวั่นหวาดกับเรื่องร้าย ที่เกิดขึ้น พลายงามนอนไม่ใคร่หลับตลอดคืน
|
แล้วสมภารท่านก็หลับระงับเงียบ
เพราะแม่ลูกผูกจิตคิดถึงกัน
ดุเหว่าร้องซ้องเสียงสำเนียงแจ้ว
สะดุ้งในไหววับทั้งหลับตา
ครั้นรู้สึกนึกได้ให้ละห้อย
จนเคาะระฆังหงั่งเหง่งเสียงเครงครื้น
|
ยิ่งเย็นเยียบเยือกใจเมื่อไก่ขัน
เฝ้าใฝ่ฝันเฟือนแลเห็นแม่มา
ให้แว่วแว่วว่าวันทองร้องเรียกหา
ร้องขานขาสุดเสียงแต่เที่ยงคืน
เจ้าพลายน้อยนิ่งนอนถอนสะอื้น
สมภารตื่นเตือนชีต้นสวมมนต์เกน
|
วันรุ่งขึ้น นางวันทองจัดของไปรับลูกที่วัด แล้วพาไปส่งที่ท่าเกวียน ให้พลายงามเดินทางไปหาย่าทองประศรี ที่เมืองกาญจนบุรี เพราะลำพังนางวันทองคง ไม่สามารถคุ้มคองลูกจากขุนช้างได้ สองแม่ลูกอำลากันอย่างเศร้าสร้อย
|
เจ้าพลายงามความแสนสงสารแม่
แล้วกราบกรานมารดาด้วยอาลัย
แต่ครั้งนี้มีกรรมจะจำจาก
เที่ยวหาพ่อขอให้ปะเดชะบุญ
แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก
จะกินนอนวอนว่าเมตตาเตือน
แม่วันทองของลูกจงกลับบ้าน
จะก้มหน้าลาไปมิได้กลัว
นางกอดจูบลูบหลังแล้วสั่งสอน
พ่อไปดีศรีสวัสดิ์กำจัดภัย
ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ
แล้วพาลูกออกมาข้างท่าเกวียน
ลูกก็แลดูแม่แม่ดูลูก
สะอื้นร่ำอำลาด้วยอาลัย
เหลียวหลังยังเห็นแม่แลเขม้น
แต่เหลียวเหลียวเลี้ยวลับวับวิญญาณ์
|
ชำเลืองแลดูหน้าน้ำตาไหล
ลูกเติบใหญ่คงจะมาหาแม่คุณ
ต้องพลัดพรากแม่ไปเพราะไอ้ขุน
ไม่ลืมคุณมารดาจะมาเยือน
คนอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน
จะจากเรือนร้างแม่ไปแต่ตัว
เขาจะพาลว้าวุ่นแม่ทูนหัว
แม่อย่ามัวหมองนักจงหักใจ
อำนวยพรพลายน้อยละห้อยไห้
จนเติบใหญ่ยิ่งยวดได้บวชเรียน
เจ้าจงอตส่าห์ทำสม่ำเสมียน
จะจากเจียนใจขาดอนาถใจ
ต่างพันผูกเพียงว่าเลือดตาไหล
แล้วแข็งใจจากนางตามทางมา
แม่ก็เห็นลูกน้อยละห้อยหา
โอ้เปล่าตาต่างสะอื้นยืนตะลึง
|
พลายงามเดินทางตามลำพัง แวะพักค้างคืนที่วัดต่างๆ ระหว่างทาง จนมาถึงเมืองกาญจนบุรี ได้ขึ้นไป ปีนต้นมะยมเล่น โดยมิได้รู้ว่ามาถึงบ้านย่าแล้ว นางทองประศรีออกมาไล่ทุบตี จนเมื่อไต่ถามกันจึงรู้ว่าเป็นหลาน นางทำพิธีสมโภชรับขวัญ แล้วพาไปหาขุนแผนที่กรุงศรีอยุธยา
พลายงามเล่าเรื่องขุนช้างให้พ่อฟัง ขุนแผนโกรธมาก จะไปฆ่าขุนช้าง แต่นางทองประศรีห้ามไว้ และเตือนสติต่างๆ นานา ขุนแผนจึงค่อยสงบลง และฝากฝังลูกไว้กับย่า ให้ตั้งใจเรียนเขียนอ่าน
|
ลูกเห็นแต่แม่คุณค่อยอุ่นใจ
อันตำรับตำราสารพัด
ถ้าลืมหลงตรงไหนไขออกดู
แล้วลูบหลังสั่งความพลายงามน้อย
รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชา
|
ช่วยสอนให้พลายงามเรียนความรู้
ลูกเก็บจัดแจงไว้ที่ในตู้
ทั้งของครูของพ่อต่อกันมา
เจ้าจงค่อยร่ำเรียนเขียนคาถา
ไปเบื้องหน้าเติบใหญ่จะให้คุณ
|
นางทองประศรีจึงพาพลายงามกลับ พลายงามอาศัยอยู่กับนางทองประศรีที่กาญจนบุรี ได้ร่ำเรียนหนังสือ และคาถาอาคมจนแตกฉานไม่ด้อยกว่าขุนแผน
|
อันเรื่องราวกล่าวความพลายงามน้อย
ทั้งขอมไทยได้สิ้นก็ยินดี
ปัถมังตั้งตัวนะปัดตลอด
หัวใจกริดอิทธิเจเสน่ห์กล
เข้าในห้องลองวิชาประสาเด็ก
มหาทะมื่นยืนยงคงกระพัน
แล้วทำตัวหัวใจอิติปิโส
สะกดคนมนต์จังงังกำบังกาย
ทั้งเรียนธรรมกรรมฐานนิพพานสูตร
ผูกพยนต์หุ่นหญ้าเข้าราวี
|
ค่อยเรียบร้อยเรียนรู้ครูทองประศรี
เรียนคัมภีร์พุทธเพทพระเวทมนต์
แล้วถอนถอดถูกต้องเป็นล่องหน
แล้วเล่ามนต์เสกขมิ้นกินน้ำมัน
แทงจนเหล็กแหลมลู่ยู่ขยั้น
ทั้งเลขยันต์ลากเหมือนไม่เคลื่อนคลาย
สะเดาะโซ่ตรวนได้ดังใจหมาย
เมฆฉายสูรย์จันทร์ขยันดี
ร้องเรียกภูตพรายปราบกำราบผี
ทองประศรีสอนหลานชำนาญมา
|
จนเมื่อพลายงามอายุได้สิบสามปี นางทองประศรีจึงได้จัดพิธีโกนจุกตามประเพณี
|
ถึงวันดีนิมนต์ขรัวเกิดเฒ่า
พอพิณพาทย์คาดตระสะธุการ
นั่งสวดมนต์จนจบพอพลบค่ำ
|
อยู่วัดเขาชนไก่ใกล้กับบ้าน
ท่านสมภารพาสงฆ์สิบองค์มา
ก็ซัดน้ำมนต์สาดเสียงฉาดฉ่า
|
วันรุ่งขึ้น พลายงามก็เดินทางเข้ามากรุงศรีอยุธยา เมื่อขุนแผนได้พบพลายงามก็ดีใจ ซักไซ้ไต่ถามดูก็ทราบว่า มารดาตนสั่งสอนพลายงามมาอย่างดี จึงนำไปฝากฝังกับจมื่นศรีเสาวรักษ์ราชให้ช่วยพาไปถวายตัว จมื่นศรีพิจารณา พลายงามเห็นเป็นเด็กฉลาด จึงรับไว้ในบ้านเหมือนเป็นนักเรียนประจำ แนะนำสั่งสอนให้ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมไว้อีก ในระหว่างที่พักอยู่ที่บ้าน
|
ครานั้นจมื่นศรีเสาวรักษ์ราช
จะเป็นข้าจอมนรินทร์ปิ่นนคร
พระกำหนดกฎหมายมีหลายเล่ม
กรมศักดิ์หลักชัยพระอัยการ
แล้วให้รู้สุภาษิตบัณฑิตพระร่วง
ราชาศัพท์รับสั่งให้บังควร
ที่ไม่สู่รู้อะไรผู้ใหญ่เด็ก
เสียตระกูลสูญลับอัประมาณ
นี่ตัวเจ้าเหล่ากอทั้งพ่อแม่
แล้วจัดแจงห้องหับให้หลับนอน
|
เรียกพลายงามทรามสวาดิมาสั่งสอน
อย่านั่งนอนเปล่าเปล่าไม่เข้าการ
เก็บไว้เต็มตู้ใหญ่ไขออกอ่าน
มณเฑียรบาลพระบัญญัติตัดสำนวน
ตามกระทรวงผิดชอบคิดสอบสวน
รู้จงถ้วนถี่ไว้จึงได้การ
มหาดเล็กสามต่อพ่อลูกหลาน
เพราะเกียจคร้านคร่ำคร่าเหมือนพร้ามอญ
อย่าเชือนแชอุตส่าห์จำเอาคำสอน
ไม่อาวรณ์เธอช่วยเลี้ยงเป็นเที่ยงธรรม
|
นอกจากจะสอนวิชาความรู้แล้ว จมื่นศรียังให้พลายงามตามหลังเข้าวัง เพื่อศึกษาแนวทางและวิธี ปฏิบัติตนด้วย
|
...............
เธอเข้าเฝ้าเจ้าก็นั่งบังไม้ดัด
ค่อยรู้ก่อนผิดชอบรอบคอบไป
ครั้นอยู่บ้านอ่านคำพระธรรมศาสตร์
|
ทุกคืนวันตามหลังเข้าวังใน
คอยฟังตรัสตรึกตราอัชฌาสัย
ด้วยมิได้คบเพื่อนเที่ยวเชือนแช
ตำรับราชสงครามตามกระแส
|
เมื่อจมื่นศรีฯ เห็นว่า พลายงามมีวิชาความรู้ครบถ้วนจบหลักสูตร กิริยามารยาทเป็นที่พอใจ สมควร เข้ารับราชการได้ ก็พาพลายงามถวายตัวต่อพระมหากษัตริย์
|
ฝ่ายจมื่นศรีเสาวรักษ์ราช
ขอเดชะพระกรุณาฝ่าละออง
บุตรขุนแผนแสนสท้านหลานทองประศรี
จะขอรองมุลิกาพยายาม
ครานั้นสมเด็จพระพันวษา
จะออกโอษฐ์โปรดขุนแผนแสนสะท้าน
ให้เคลิ้มพระองค์ทรงกลอนละครนอก
ลืมประภาษราชกิจที่คิดไว้
|
อภิวาทบาทมูลทูลฉลอง
ดอกไม้ธูปเทียนทองของพลายงาม
ความรู้มีเรียบราบไม่หยาบหยาม
พลางกราบสามทีสดับตรับโองการ
เหลือบเห็นหน้าพลายงามความสงสาร
แต่กรรมนั้นบันดาลดลพระทัย
นึกไม่ออกเวียนวงให้หลงใหล
กลับเข้าในแท่นที่ศรีไสยา
|
ด้วยผลกรรมดลพระทัยสมเด็จพระพันวษา พลายงามจึงยังไม่ได้เข้ารับราชการในครั้งนี้
http://www.sisaketphp.net/krujarun/thai/sontorn/he-klom/sapa-chong.php3.htm |