การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายทั้งของเพศชายและเพศหญิงนั้นมีผลต่อสภาวะทางอารมณ์
ดังนั้นเราจึงควรทราบทั้งในส่วนของเพศชายและเพศหญิง ดังนี้
การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายและสภาวะทางอารมณ์ของเพศชาย
การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายและสภาวะทางอารมณ์นั้นเกิดขึ้นในทุก
ๆ ช่วงวัย แตกต่างกันไป แต่สำหรับเพศชายนั้น
ในช่วงวัยรุ่นจะมีการเปลี่ยนแปลงที่มากที่สุด
การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายทางเพศของวัยรุ่นชายเกิดจากอิทธิพลโดยตรงของฮอร์โมนเพศ
(Testosterone) ซึ่งผลิตโดยอัณฑะ
และการสร้างฮอร์โมนเพศชายนี้ถูกควบคุมโดยฮอร์โมน ICSH (Interstitial cell stimulating hormone) และ
FSH (Follicle Stimulating hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ผลิตโดยต่อมพิทูอิตารี (Pituitary)
โดยกลไกการผลิตดังต่อไปนี้
กลีบหน้าของต่อมพิทูอิตารีผลิตฮอร์โมนที่กระตุ้นการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย
และจิตใจทางเพศชายดังนี้
1.
FSH (Follicle Stimulating
hormone) เป็นฮอร์โมนที่มีหน้าที่ให้เซลล์ในอัณฑะให้ผลิตตัวอสุจิ
2.
ICSH (Interstitial cell
stimulating hormone) ซึ่งมีหน้าที่กระตุ้นเซลล์ที่กระจายอยู่ภายในหลอดเล็ก
ๆ ของอัณฑะให้ผลิตฮอร์โมนที่เรียกว่า เทสโตสเตอโรน (Testosterone) จำนวนที่เหมาะสม
ฮอร์โมนของเพศชายนี้มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อความเจริญเติบโตและพัฒนาการทางเพศรวมทั้งพฤติกรรมทางเพศต่างๆ
ที่ผู้ชายแสดงออกมาอีกด้วย ในวัยเด็ก
ฮอร์โมน FSH จะกระตุ้นการเจริญเติบโตของอัณฑะและเริ่มผลิตตัวอสุจิ
เมื่อเริ่มย่างเข้าสู่วัยรุ่นหรืออายุประมาณ 14 ปี
และฮอร์โมน ICSH ก็จะกระตุ้นให้เกิดการผลิต
เทสโตสเตอโรน
ซึ่งจะพบอย่างมากมายในตอนวัยรุ่นซึ่งเป็นเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอวัยวะที่แสดงความเป็นเพศชาย
ดังต่อไปนี้
1.
มีการสร้างตัวอสุจิ
และมีการหลั่งน้ำอสุจิได้
2.
มีการเปลี่ยนแปลงของอวัยวะเพศ เช่น องคชาต ต่อมลูกหมากถุงเก็บน้ำอสุจิ
รวมทั้งอัณฑะเองก็จะเจริญมีขนาดโตขึ้น
3.
มีการเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดลักษณะทางเพศอันดับรอง
สำหรับเพศชาย คือ เสียงแตก เสียงห้าว มีหนวด เครา เริ่มขึ้น
มีขนขึ้นตามรักแร้และบริเวณเหนือองคชาติ ไหล่จะกว้างขึ้นและมีกล้ามเนื้อหนา
และแข็งแรงขึ้น ซึ่งเป็นลักษณะแสดงความเป็นเพศชาย
4.
มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจ
มีความรู้สึกต้องการทางเพศ สนใจเพศตรงข้าม แสดงพฤติกรรมในเชิงเกี้ยวพาราสี
การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายและสภาวะทางอารมณ์ของเพศหญิง
เพศหญิง
เป็นเพศที่มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจในหลายช่วงวัย
โดยเริ่มตั้งแต่เมื่อเข้าสู่วัยสาว วัยสืบพันธุ์ จนกระทั่งถึงวัยหมดประจำเดือน
ลักษณะของสตรีที่เข้าสู่วัยสาว
-
เริ่มมีระดูแรก ๆ อาจมาไม่ตรง
อาจมีอาการปวด หรือประจำเดือนอาจขาดหายไปหลาย ๆ เดือน
หรือจำนวนของประจำเดือนมีมากน้อยไม่แน่นอน ซึ่งแสดงถึงการเริ่มทำงานของสิ่งใหม่ของร่างกาย
อาจมีข้อบกพร่องเกิดขึ้นได้ แต่เมื่อรังไข่ทำงานไปแล้ว 1-2 ปี ประจำเดือนควรจะมาตามปกติ
(การมีประจำเดือนเป็นเครื่องหมายแสดงถึงพัฒนาการทางร่างกายของเด็กหญิงว่าได้เข้าสู่วัยสาวแล้วและเป็นสัญลักษณ์บอกว่าหญิงสาวผู้นั้นมีความพร้อมที่จะให้กำเนิดทารกหรือมีครรภ์ได้)
-
มีไขมันเกิดขึ้นบริเวณหน้าอก หัวหน่าว ขาอ่อน
คือทำให้มีรูปร่างเป็นสตรีโดยสมบูรณ์ในรายที่ขาดฮอร์โมน
การเปลี่ยนแปลงเจริญเติบโตทุกอย่างดังกล่าวมาแล้วก็จะเกิดขึ้นน้อย
ซึ่งอาจจะต้องแก้ไขเสียแต่เนิ่น ๆ
-
มีขนที่หัวหน่าวและที่รักแร้
-
จิตใจเปลี่ยนแปลงไป รู้จักอาย
สนใจต่อเพศตรงข้าม มีจริต การพูดจา ผิดไปจากเดิม
วัยของการสืบพันธุ์
วัยของการสืบพันธุ์
(Reproductive period) รังไข่ทำหน้าที่เต็มที่จะมีไข่สุกตกจากรังไข่ในวันที่
14 ของรอบประจำเดือน (28 วัน) และเยื่อบุมดลูกจะมีเลือดมาเลี้ยงมาก
(Congestion) ในระยะ Secretory Phase เพื่อรอการฝังตัวของไข่ที่ผสมแล้วออก
แต่ถ้าไม่มีการผสมพันธุ์ เยื่อบุมดลูกก็จะสบายตัวเกิดเป็นระดู
ซึ่งปกติจะผสมและมาฝังตัวที่เยื่อบุมดลูกก็จะงอกงามขึ้นมาใหม่วนเวียนเป็นวงจรดังนี้ไปทุก
28 วัน นอกจากไข่เกิดผสมและมาฝังตัวที่เยื่อบุมดลูกและเกิดการสร้างรกและฮอร์โมน
เช่นนี้จะไม่เกิดการสลายตัวของเยื่อบุมดลูกต่อไปอีก
คือจะไม่มีประจำเดือนตลอดการตั้งครรภ์
วัยหมดประจำเดือน
วัยหมดประจำเดือน
(Menopause period) ความยุ่งยากและมีปัญหามากในระยะหนึ่งของชีวิตของผู้หญิงก็คือ
ในระยะของการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และจิตใจ
อันเป็นเหตุให้ผู้หญิงบางคนเกิดมีปัญหาอย่างมากในด้านชีวิตความเป็นอยู่ของตนเอง
ของครอบครัวและของสังคม
ในระยะเปลี่ยนวัย
หรือระยะของการหมดประจำเดือนนั้น หมายถึง
การสิ้นสุดของการที่จะให้กำเนิดลูกได้ต่อไปของผู้หญิง รังไข่หยุดการมีไข่สุกและหยุดการขับฮอร์โมนของรังไข่
ซึ่งจะค่อย ๆ ลดน้อยลงเป็นจำนวนมากตามที่เคยขับออกมาในระหว่างวัยสาว
การลดจำนวนลงของฮอร์โมนนั้นมดลูกก็จะหยุดการการเตรียมตัวเพื่อการที่จะรับทารกมาเจริญเติบโตต่อไปเมื่อเกิดมีการตั้งครรภ์
ซึ่งเคยเตรียมตัวมาแต่ละเดือนนั้น การมีประจำเดือนนั้นจึงหมดไป
ซึ่งลักษณะอาการของคนวัยหมดประจำเดือนนั้นพอสรุปได้ดังนี้
-
อายุเฉลี่ยประมาณ 45 ปี มากหรือน้อยกว่าราว 5 ปี
-
รังไข่จะไม่มีไข่สุก
-
ประจำเดือนมักจะค่อยๆ หมดไป
คือมีน้อยลง ๆ และห่างไปทุกที
-
อาการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ
จะมีอารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียว ใจน้อยโกรธง่าย อาจมีเหงื่อออกมาก ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ
ท้องอืดเฟ้ออาหารไม่ย่อย อ่อนเพลียละเหี่ยใจ นอนไม่หลับ
และอาจมีอาการร้อนวูบวาบตามผิวหนัง
เพราะผลเนื่องจากการขาดความสมดุลทางฮอร์โมนภายในร่างกาย อาการต่าง ๆ
เหล่านี้จะกินเวลา 2-3 ปี
-
บางราย อาจมีเลือดออกกระปริดกระปรอย
หรือเลือดออกมากกว่าปกติธรรมดา ซึ่งอาจเป็นเยื่อบุมดลูกหนา
หรือมดลูกอักเสบหรือมะเร็งของปากมดลูก ซึ่งมีความสำคัญมากในการวินิจฉัยและการรักษา
อวัยวะที่แสดงความเป็นเพศหญิง
เต้านม
(Brest of Mammary gland) เป็นต่อมที่ทำหน้าที่สร้างน้ำนมเลี้ยงบุตร
เต้านมมี 2
ข้างอยู่ที่ด้านหน้าของทรวงอก โดยมีขอบเขตระหว่างกระดูกซี่โครงที่ 2 ถึงซี่ที่ 6 และจากขอบของกระดูกกลางตัวด้านหน้า
(Sternum) ถึงขอบหน้าของรักแร้ขนาดนั้นไม่แน่นอนบางคนใหญ่บางคนเล็กในคน
ๆ เดียวกัน ก่อนวัยรุ่นจะมีขนาดเล็กจะใหญ่มากในระยะตั้งครรภ์และให้นมแก่บุตร
หลังให้นมจะมีขนาดเล็กลงและเหี่ยวแห้งไปเมื่อมีอายุมาก
เต้านมแต่ละข้างจะมีรูปร่างครึ่งทรงกลม
ที่ตรงกลางของเต้านม คือ หัวนม (Nipple)
ซึ่งจะยื่นนั้นขึ้นมาที่ปลายหัวนมจะมีท่อของต่อมน้ำนมเปิดประมาณ
15 ถึง 20 ท่อ รอบ ๆ หัวนมจะล้อมรอบด้วย Areola ซึ่งเป็นบริเวณที่ผิวหนังเปลี่ยนแปลงไปมี
pigment มากกว่าที่อื่น ๆ เมื่อเวลาตั้งครรภ์
Areola จะมีสีคล้ำยิ่งขึ้นและวงกว้างขึ้นอีก
เต้านมข้างหนึ่ง ๆ
ประกอบด้วยต่อมสร้างน้ำนม 15 ถึง
20 กลับ (Lobes) และมีไขมันแทรกอยู่ระหว่างกลีบเหล่านี้
แต่ละกลีบมีติ่งกลมเล็ก ๆ (lobules)
จำนวนมาก
ท่อนำน้ำนมมาเปิดที่หัวนมจากท่อนี้แยกออกเป็นท่อเล็ก ๆ อยู่ระหว่างติ่งกลมเล็ก ๆ
มากมายซึ่งรับน้ำนมมาจากโพรงเล็ก ๆ (alveolu) ในขณะที่เต้านมอยู่ในระยะให้นม
(alveoli) จะทำหน้าที่สร้างน้ำนมจึงมีขนาดใหญ่ แต่ในระยะปกติเต้านมมีแต่ท่อต่าง
ๆ จะเล็กรวมเป็นเนื่องของต่อมน้ำนม และมีเนื้อเบื่ออีกชนิดหนึ่งเกาะ (alveoli) เหล่านั้นให้อยู่ร่วมกันมีไขมันแทรกอยู่ทั่วไป
ที่มา : http://arts.kmutt.ac.th/ssc210/Group%20Project/G244/G07/pages/know_change.html