อวัยวะรับความรู้สึก Sense organ
จมูก เป็นอวัยวะรับสัมผัสที่สำคัญอย่างหนึ่งของร่างกาย โดยทำหน้าที่รับกลิ่น ของสิ่งที่อยู่ รอบ ๆ ตัวเรา เช่น กลิ่นอาหาร กลิ่นดอกไม้ ฯลฯ นอกจากนี้ยังเป็นทางผ่านของอากาศที่เราหายใจอยู่ตลอดเวลา โดยทำหน้าที่กรองอากาศ ปรับอุณหภูมิและความชื้นของอากาศ ก่อนที่จะเข้าสู่ปอด คือ ถ้าอากาศเย็น จมูกจะปรับให้อุ่นขึ้น ถ้าอากาศแห้งมาก จมูกก็จะทำให้อากาศชุ่มชื้น นอกจากนี้จมูกยังช่วยในการปรับเสียงที่เราพูดให้กังวาน น่าฟังอีกด้วย
รูปภาพ แสดงส่วนประกอบของจมูก
ที่มา : http://3.bp.blogspot.com/_4UcWtGK_blc/S-KDjapxzkI/AAAAAAAAALg/L0ZxUMY4amM/s1600/image049.jpg
การได้รับกลิ่น
รูปภาพแสดงการได้รับกลิ่น
ที่มา : http://3.bp.blogspot.com/_4UcWtGK_blc/S-KDc4jPAdI/AAAAAAAAALY/np5_E7pmxVk/s1600/image052.jpg
กระเปาะรับกลิ่น คือ บริเวณที่เยื่อบุภายในโพรงจมูกมีปลายกระแสรับกลิ่นอยู่ทั่วไป เชื่อมโยง ไปสู่สมอง เมื่อมีกลิ่นผ่านเข้าไปในโพรงจมูก กลิ่นมากระทบปลายประสาทรับกลิ่น ปลายประสาทรับกลิ่นส่งกระแสประสาทไปสู่สมอง เพื่อแปลความหมายของกลิ่นที่ได้รับ
ลิ้น
ลิ้นเป็นอวัยวะในช่องปากช่วยคลุกเคล้าอาหารและรับความรู้สึกเกี่ยวกับรสชาติของอาหารการที่ลิ้นสามารถรับรู้รสชาติของอาหารได้ เพราะมีอวัยวะในการรับรู้รส ที่เรียกว่า ตุ่มรับรส( taste buds ) อยู่บนลิ้น
มีลักษณะกลมรี ประกอบด้วยเซลล์รูปทรงกระสวย และปลายเส้นประสาทที่รับรู้รส สามเส้น ตุ่มรับรสส่วนใหญ่ พบที่ด้านหน้าและด้านข้างของลิ้นส่วนบนต่อมทอนซิล เพดานปากและหลอดคอพบเป็นส่วนน้อย จากการทดลองแล้วปรากฏว่า ตุ่มรับรสมีอย่างน้อยที่สุด ประมาณ 4 ชนิดด้วยกัน ซึ่งจะคอยรับรสแต่ละอย่าง คือ
1. รสหวาน
2. รสเค็ม
3. รสขม
4. รสเปรี้ยว
ตุ่มรับรสเหล่านี้อยู่ตามบริเวณต่าง ๆ บนลิ้น ( ดังภาพ ) เซลล์รับรสในตุ่มรับรส เมื่อได้รับ
การกระตุ้นจะส่งกระแสประสาทไปตามเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ไปยังศูนย์กลางรับรสในเซรีบรัมเพื่อแปลความหมายว่าเป็นรสอะไร
รูปภาพแสดงตุ่มรับรสต่าง ๆ ที่อยู่บนลิ้น
ที่มา : http://3.bp.blogspot.com/_4UcWtGK_blc/S-KDNrfk7KI/AAAAAAAAALQ/tm0x_GqrZM8/s1600/image057.jpg
ผิวหนัง
ที่ผิวหนังจะมีอวัยวะรับความรู้สึกหรืออวัยวะสัมผัสหลายอย่าง ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ
1. พวกรับสัมผัสเกี่ยวกับอุณหภูมิ (thermorecepter ) คือ รับความรู้สึกร้อนหรือเย็น ได้แก่
1.1 รับความรู้สึกเย็น (cold receptor) พบมากที่ผิวหนังเปลือกตาด้านใน เยื่อบุภายในปาก และอวัยวะสืบพันธุ์
1.2 รับความรู้สึกร้อน (heat receptor) พบมากที่ทุกส่วนของผิวหนัง เช่นที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ศูนย์ควบคุมเกี่ยวกับอุณหภูมิอยู่ที่สมองส่วนไฮโพทาลามัส (hypothalamus)
2. พวกรับสัมผัสทางกล (mechanoreceptor) คือ พวกรับความรู้สึกเกี่ยวกับความกดดัน ความเจ็บปวด ได้แก่
2.1 พวกรับสัมผัส (touch receptor) รวมทั้งพวกปลายประสาทอิสระต่างๆ ที่อยู่ รอบ ๆ รากของขน จะพบเซลล์ประสาทพวกนี้อยู่ในชั้นหนังแท้ (dermis) ใกล้ ๆ กับชั้นหนังกำพร้า จะมีอยู่มากบริเวณ ฝ่ามือ ฝ่าเท่า ปลายนิ้ว หัวนม ริมฝีปาก ดังนั้นบริเวณเหล่านี้จึงรับสัมผัสได้ดี
2.2 พวกรับแรงกดดัน ( pressure receptor ) รับความรู้สึกกดหนักๆ พบอยู่ในชั้น
หนังแท้ที่อยู่ลึกลงไป ปลายประสาทพวกนี้จะมีเยื่อเกี่ยวพันหุ้มอยู่หลายๆ ชั้น เมื่อเกิดแรงกดแรงๆ ทำให้รูปร่างของเซลล์ประสาทพวกนี้เปลี่ยนแปลงไป จึงเกิดกระแสประสาทที่ส่งความรู้สึกไปยังสมอง
2.3 รับสัมผัสความเจ็บปวด ( pain receptor ) ปลายประสาทพวกนี้ จะแทรกอยู่ ทุกส่วนของร่างกาย ความรู้สึกเจ็บปวดจะรับสัมผัสได้ 2 แบบ คือ แบบที่รวดเร็วมาก และแบบที่เกิดขึ้นช้า ๆ กระแสประสาทจะนำความรู้สึกนี้เข้าสู่ไขสันหลัง ส่วนที่เป็นสารสีขาวจะถ่ายทอดไปยัง ทาลามัส และถ่ายทอดเข้าสู่สมองส่วนเซรีบรัมต่อไป
รูปภาพแสดงภาพขยายส่วนของผิวหนัง
ที่มา : http://4.bp.blogspot.com/_4UcWtGK_blc/S-KDJoG902I/AAAAAAAAALI/fC5xPN1GM_o/s1600/image059.jpg
เครื่องจักรมนุษย์ เปลือกของร่างกาย : 6
องค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้เกิดการรับรู้ภาพได้ดี
จะต้องประกอบด้วยส่วนสำคัญสี่ส่วนที่สมบูรณ์ ได้แก่ ส่วนของลูกตาที่เป็นทางผ่าน หรือทางเดินของแสงต้องใส ทำให้ภาพสามารถผ่านเข้าไปถึงจอประสาทตาในลูกตาส่วนหลังได้อย่างสมบูรณ์ ภาพที่ผ่านเข้ามาในลูกตาต้องได้รับการปรับระยะและความคมชัด ให้ภาพที่ไปตกที่จอประสาทตาในลูกตาส่วนหลังมีความคมชัดที่สุด จอประสาทตาสามารถเปลี่ยนภาพเป็นสัญญาณประสาท และส่งผ่านไปถึงสมองส่วนที่เกี่ยวกับการมองเห็นได้ สมองสามารถแปลงสัญญาณประสาทกลับเป็นรูปภาพได้อย่างถูกต้อง
ถ้ามีองค์ประกอบอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์ จะส่งผลให้การรับรู้ภาพผิดปรกติไปทำให้มีการมองเห็นที่ผิดปรกติ อาจมีอาการเพียงเล็กน้อยหรือเป็นมากจนถึงขั้นมองไม่เห็นได้ ขึ้นกับชนิดของความผิดปรกติและความรุนแรงของโรคที่เป็น เช่นภาวะสายตาผิดปรกติ(สั้น,ยาว,เอียง) เกิดจากความผิดปรกติในการปรับความคมชัดของภาพที่ไปตกที่จอประสาทตา สามารถแก้ไขให้เห็นได้ปรกติด้วยแว่นสายตา,คอนแทคเลนส์ หรือการผ่าตัดแก้ไขสายตา
โรคต้อกระจก เกิดจากเลนส์แก้วตาขุ่น ทำให้แสงผ่านเข้าตาได้น้อยลง มองเห็นภาพขุ่นมัวไม่ชัด การมองเห็นจะลดลงเรื่อยๆตามความรุนแรงของโรค สามารถรักษาให้กลับมามองเห็นได้ดีอีกครั้งด้วยการผ่าตัดเอาต้อกระจกออกและใส่เลนส์แก้วตาเทียม ซึ้งต้องให้การรักษาก่อนที่โรคจะเป็นมากจนมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นแล้ว
โรคต้อหิน มีความผิดปรกติของขั้วประสาทตาจากการสูญเสียเซลประสาทที่อยู่ในชั้นจอประสาทตา มักพบร่วมกับความดันลูกตาสูง การรักษาทำได้เพียงควบคุมโรคไม่ให้ลุกลามทำลายเซลประสาทตาเพิ่มขึ้น ไม่สามารถทำให้ส่วนของประสาทตาที่สูญเสียการมองเห็นไปแล้วกลับมาเห็นปรกติได้อีก
ขอขอบคุณ :1. http://watchawan.blogspot.com/2010/05/blog-post_3644.html
2. http://www.thaigoodview.com/node/43966