<< Go Back

              อาจกล่าวได้ว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชาวโรมันรับเอารูปการปกครองในระบอบสาธารณรัฐมาใช้ คือ ความบีบบังคับที่เคยได้รับเมื่อครั้ง อยู่ภายใต้การปกครองของต่างชาติชาวอีทรัสกัน ในครั้งนั้นโรมอยู่ภายใต้ระบอบกษัตริย์ซึ่งเรียกว่า Rex กษัตริย์เป็นประมุขสูงสุดในทางการ ทหารการปกครองและการศาสนามีอำนาจสูงสุดในการตรากฎหมาย ตลอดจนตัดสินคดีพิพาทต่างๆ การปกครองดังกล่าวเป็นการปกครอง โดยบุคคลคนเดียวที่ได้รับมอบอำนาจสิทธิ์ขาด อาจด้วยความรังเกียจในระบอบดังกล่าว เมื่อเป็นอิสระ โรมจึงสถาปนาระบอบสาธารณรัฐ ขึ้นปกครอง
              คำว่า " สาธารณรัฐ " ในภาษาอังกฤษคือ repulic มาจากคำภาษาละตินอันเป็นภาษาของชาวโรมัน 2 คำคือ res + publica มีความหมาย ว่า " ของประชาชน " ตามนัยนี้หมายความว่า อำนาจการปกครองเป็นของประชาชนซึ่งแตกต่างจากระบอบกษัตริย์ ที่อำนาจแกครองอยู่ที่ กษัตริย์ อย่างไรก็ตามการปกครองสาธารณรัฐโรมันสมัยต้นๆ อำนาจการปกครองยังไม่ได้อยู่ในมือของประชาชนอย่างแท้จริงตามความ หมายของชื่อ ทั้งนี้เพราะอำนาจการปกครองยังคงอยู่กับสภาเชเนทซึ่งประกอบด้วยสมาชิกซึ่งเป็นคนส่วนน้อย ต่อมาภายหลังเมื่อมีการขยาย สิทธิพลเมืองโรมันกว้างขวางขึ้นทำให้ราฎรส่วนใหญ่มีสิทธิมีเสียงในการปกครองรูปแบบการปกครองของสาธารรรัฐโรมันจึงตรงกับ ความหมายดังกล่าว องค์การทางการปกครองของสาธารณรัฐโรมันมีดังต่อไปนี้
              1. กงสุล เป็นประมุขในทางการบริหาร มีจำนวน 2 คน มีอำนาจเท่าเทียมกันมีอำนาจเต็มที่ทั้งในยามสงครามและยามสงบมีอำนาจ สูงสุดในด้านการทหาร ด้านนิติบัญญัติ บริหารและตุลาการ ตำแหน่งกงสุลเลือกมาจากกลุ่มชนชั้นสูงของสังคมโรมันที่เรียกว่า พวกแพทร เชียนโดยสภาราษฎรเป้นผุ้ลงมติเลือก อยู่ในตำแหน่งคราวละปี มีอำนาจซึ่งกันและกันได้ ในยามสงครามหรือยามฉุกเฉิน กงสุลอาจมอบ อำนาจให้แก่บุคคลคนเดียวเรียกว่า ผู้เผด็จการหรือผุ้บัญชาการทัพ ทั้งนี้ดดนคำแนะนำยินยอมของสภาเชเนท ผุ้เผด้จการอยู่ในต่ำแหน่งไม่ เกิน 6 เดือน ในระหว่างอยู่ในต่ำแหน่งผู้เผด็จการมีอำนาจเด็ดขาดในทางการทหารมีสิทธิเรียกระดมและลงดทษผู้ประพฤติผิดวินัยได้เต็มที่ ในการปฏิบัติงานโดยทั่วไปกงสุลบริหารงานการปกครองด้วยความช่วยเหลือของสภาเชเนท
              2. สภาเชเนท ประกอบด้วยสมาชิก 300 คนเรียกว่า เชเนเตอร์ หรือสมาชิกสภาเชเนทดำรงต่ำแหน่งตลอดชีพสมาชิกเหล่านี้เลือก จากพวก แพทรีเชียน โดยกงสุล เป็ยผุ้แต่งตั้ง กงสุลที่ปฏิบัติหน้าที่ครบตามวาระหลังจะได้เป็นสมาชิกเชเนทโดยอัตโนมัติสภาเชเนทควบคุม เกี่ยวกับกาคลังการต่างประเทศ การประกาศศึกสงครามทำหน้าที่ตัดสินคดีและมีสิทธิยับยั้งมติของสภาราษฎรในสมัยต้นๆของระบอบ สาธารณรัฐ สภาเชเนทคุมอำนาจการปกครองทั้งนี้เพราะกงสุลมักขอความเห็นและคะแนะนำจากสภาเชเนทซึ่งนโยบายมักดำเนินไปเพื่อ ประโยชน์ของพวกแพทริเชียนทั้งสิ้น
              3. สภาราษฎร ประกอบขึ้นด้วยราฎรโรมันทั้งพวกแพทริเชียนและเพลเบียน เรียกว่า โคมิตาคิวริเอตา มีหน้าที่แต่งตั้งกงสุลและเจ้า หน้าที่บริหารอื่นๆให้ความเห็นยินยอม หรือปฏิเสธกฎหมายที่กงสุลและสภาเชเนทนำเสนอ ทำหน้าที่ตัดสินข้อพิพาทที่สำคัญๆ เป็นที่น่า สังเกตว่าองค์กรทั้ง 3 เป้นองค์กรที่ทรงไว้ซึ่งอำนาจในการปกครองแต่ละองค์กรต่างระแวดระวังและคาน อำนาจซึ่งกันและกันมิให้องค์กร ใดองค์กรหนึ่งมีอำนาจสูงสุดแต่เพียงฝ่ายเดีบงแต่ก็ทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ
              การปกครองโดยวิธีดังกล่าวไม่เป้นที่พอใจของพวกเพลเบียนเท่าไรนัก ทั้งนี้เพราะพวกเพลเบียนยังถูกกีดกันจากตำแหน่งหน้าที่การ งานในองค์กรที่ เป็นหัวใจของการปกครองคือกงสุล และสภาเชเนทในปี 450 ก่อนค.ศ มีการร่างกฎหมายเป็นลายลักอักษรขึ้นเป็นครั้งแรก เรียกว่า กฏหมายสิบสองโต๊ะ (Law of the Twelve Tabbles) ระบุถึงสิทธิและหน้าที่ของพวกแพทริเชียนและเพลเบียน

ที่มา : http://www.thaigoodview.com/node/92399

<< Go Back