ทำให้ผลิตสินค้าได้ปริมาณมากเกินความต้องการที่จะใช้ภายในประเทศ จำเป็นต้องแสวงหาตลาดการค้าและแหล่งทุนใหม่ๆ นอกประเทศ ดังนั้นนักธุรกิจ พ่อค้า และนายธนาคารจึงสนับสนุนให้รัฐบาลแสวงอาณานิคมโพ้นทะเลเพื่อจะใช้เป็นตลาดสำหรับจำหน่ายสินค้า เป็นแหล่งวัตถุดิบ และแหล่งการลงทุน ความคิดเกี่ยวกับการแสวงหาอาณานิคมจึงกลายเป็นนโยบายต่างประเทศที่สำคัญอย่างหนึ่งของอังกฤษ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม และเยอรมันนี และส่วนมากมุ่งไปยังทวีปอเมริกา เอเชียและแอฟริกา มีวัตถุประสงค์เพื่อ ภาพการปฏิวัติอุตสาหกรรม ในครั้งศตวรรษที่ 19 เกิด ลัทธิจักรวรรดินิยม ซึ่งสืบเนื่องจากการล่าอาณานิคม ทำให้ประเทศมหาอำนาจขยายอิทธิพลเข้าไปครอบครองดินแดนของชาติอื่น ไม่ว่าในรูปการเมือง เศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรม และนำไปสู่การแข่งขันแย่งชิงผลประโยชน์ การแข่งขันของประเทศจักรวรรดินิยมมีผลกระทบต่อโครงสร้างความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศโดยเฉพาะภายหลัง ค.ศ.1870 เป็นต้นมา ได้สร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยเฉพาะภายหลัง ค.ศ.1870 เป็นต้นมา ได้สร้างความขัดแย้งให้กับประเทศมหาอำนาจมากขึ้น ดังเช่น การแข่งขันระหว่างอังกฤษกับเยอรมันมณี การแข่งขันระหว่างสองชาตินี้ในดินแดนต่างๆ เป็นผลให้มีการแบ่งกลุ่ม พันธมิตรของประเทศมหาอำนาจในยุโรป จนนำไปสู่ สงครามโลก ในที่สุด ที่มา : http://history-ofthailand.blogspot.com/2012/07/blog-post.php ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา ชาติยุโรปต่างแข่งขันกันแสวงอาณานิคมในดินแดนทวีปเอเชียและแอฟริกา และให้ความสนใจแอฟริกาเนื่องจากเป็นดินแดนที่มั่งคั่งด้วยทรัพยากรธรรมชาติพืชต่างๆ เนื้อสัตว์ งาช้าง ทองคำและเพชร ชาวยุโรปใช้ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แข่งขันกันยึดดินแดนแอฟริกา และเอเชีย ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการหาอาณานิคม ได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และสเปน ฝรั่งเศส มีอาณานิคมมากที่สุดในทวีปแอฟริกา เอเชียตะวันออก จีนได้ทำสงครามสู้รบกับชาติตะวันตก ทำให้เสียดินแดนบางส่วนและสิทธิพิเศษให้แก่ชาติต่างๆ เช่นเปิดเมืองท่าให้ชาวยุโรปเข้าไปค้าขายยอมให้อังกฤษเช่าเกาะฮ่องกงเป็นเวลา 99 ปี ฝรั่งเศสได้สิทธิการสร้างทางรถไฟในจีนตอนใต้ เพื่อเชื่อมโยงกับอาณานิคมฝรั่งเศสในอินโดจีน จีนยอมให้เยอรมนีควบคุมแหลมชานตุง และมีสิทธิ์สร้างทางรถไฟบริเวณนี้ และได้สิทธิ์สร้างทางรถไฟสายแมนจูเรีย รัสเซียได้สิทธิในการปกครองพอร์ท อาร์เธอร์ในแหลมเลียวตุง ปฏิกิริยาของชาวอาณานิคมที่มีต่อชาติตะวันตกมีทั้งยอมรับ ต่อต้าน และประนีประนอม ดังเช่น สภาพสังคมโลกตะวันออก ที่เปลี่ยนแปลงอย่างมาก คือ ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรม จีนเป็นสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ อินเดียเป็นประชาธิปไตย ที่มั่นคง เกือบทุกสังคมได้เปลี่ยนไปสู่สังคมสมัยใหม่ ดังปรากฎให้เห็นในด้านวัตถุ ระบอบการปกครองความคิดและวิทยาการ แต่ที่เด่นชัดคือความเจริญทางด้านวัตถุ และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ส่วนวัฒนธรรมทางความคิด ความเชื่อทางศาสนา ความคิดทางการเมืองและนิสัยการดำรงชีวิตยังมีอิทธิพลน้อยมาก ดังนั้น สังคมตะวันออกสมัยใหม่ จึงเป็นสังคมที่มีรูปแบบภายนอกหลายอย่างเป็นตะวันตก ขณะเดียวกันภายในจิตใจยังมีนิสัยตะวันออกซึ่งเห็นจากความเชื่อไสยศาสตร์ ความศักดิ์สิทธิ์ของอำนาจที่มองไม่เห็นและมีพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านั้น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มา : http://www.nma6.obec.go.th/korat6/view.php?article_id=8157 1. การเกิดรัฐสมัยใหม่ที่ประกอบด้วยประชากร ดินแดน บุคคลและอำนาจอธิปไตย ทวีปแอฟริกา ดินแดนในทวีปแอฟริกาถูกแบ่งแยกออกเป็นส่วนๆ โดยการเข้าครอบครองของอังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม และเยอรมนี ส่วนโปรตุเกสนั้นยังคงรักษาสถานีการค้าของตนไว้ได้ที่อังโกลาและ โมซัมบิก สาเหตุการเข้ายึดครอง การเข้ายึดครองแอฟริกาของชาวยุโรปในครั้งนั้นมีข้ออ้าง 3 ประการ คือ การกำหนดเขตแดนของแอฟริกาโดยชาวยุโรป กระทำไปโดยไม่คำนึงถึงภาษาและ เผ่าพันธุ์ของประชากร ในพื้นที่นั้นๆ จะเห็นได้จากอาณาเขตของหลายประเทศที่ปรากฏในแผนที่จะมีการลากเป็นเส้นตรง ด้วยเหตุนี้ภายหลังที่ชาติเหล่านี้ได้เอกราชจึงเกิดปัญหาความเป็นเอกภาพภายในชาติมาจนถึงทุกวันนี้ การเข้าครอบครองของชาติตะวันตกได้ทำให้เกิดความทุกข์ยากแก่ชาวแอฟริกาทั้งมวล เดิมทีชาวพื้นเมืองดำรงชีพด้วยการทำไร่ เลี้ยงสัตว์ตามแบบดั้งเดิมที่เคยทำกันมา ชาวแอฟริกา มีภาษาเขียนไม่มากนักแต่มีงานทางด้านศิลปะ คือ รูปปั้นสำริด การแกะสลักไม้และงาช้าง มีภาพวาดตามแบบพื้นเมืองจำนวนมาก ชาวพื้นเมืองไม่เคยรู้เรื่องของวิทยาการสมัยใหม่ ไม่รู้จักระบบการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ไม่รู้จักระบบการปกครอง กฎหมายและกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน ชาวยุโรปได้เข้าเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชาวพื้นเมือง ด้วยการบังคับแรงงานชาวพื้นเมืองให้สร้างถนน ขุดเหมืองแร่ ขุดดิน ด้วยเวลาการทำงานที่ยาวนานกว่าปกติมีการนำเอาพืชใหม่ๆมาปลูก เช่น ยางพารา โกโก้ แทนที่พื้นดินที่เคยใช้เป็นที่เลี้ยงสัตว์ ล่าสัตว์ และที่อยู่อาศัยของชาวพื้นเมือง มีการกวาดต้อนเผ่าชนทั้งเผ่าไปอยู่ในบริเวณที่กำหนดไว้ แยกผู้ชายออกจากครอบครัวแล้วส่งไปทำงานยังที่ห่างไกล ถ้าใครขัดขืนก็จะถูกลงโทษอย่างรุนแรง เช่น ตัดมือ ยิงเป้า เป็นต้น ข้อดี ทำให้เกิดความเจริญทางด้านเศรษฐกิจ เช่น การสร้างถนน ทางรถไฟ และการบริการขนส่งทางอากาศ ทำให้หมู่บ้านต่างๆในทวีปเอเชีย และแอฟริกาสามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ แร่และพืชผลชนิดต่างๆ ได้ถูกส่งเป็นสินค้าออก ระบบการเกษตรได้เปลี่ยนมาเป็นการผลิตแบบการค้า และเกิดรูปแบบบริการด้านสาธารณสุขสมัยใหม่ ส่งผลให้ประชากรในอาณานิคมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
|