<< Go Back

ที่มา : http://sahibzaman.com/index.php?option=com_content&view=article&id=1488:2012-12-15-05-27-30&Itemid=55

          มิคาอิล เซอร์เกเยวิช กอร์บาชอฟ ประธานาธิบดีคนสุดท้ายของรัฐบาลของสหภาพโซเวียตได้กล่าวในอิสตันบูลว่า : ความผิดพลาดที่สหภาพโซเวียตได้ประสบและต้องเสียค่าชดเชยมันด้วยกับการล่มสลายนั้น ตอนนี้อเมริกากำลังจะซ้ำรอยความผิดพลาดดังกล่าว และในกระบวนการเช่นนี้ วอชิงตันกำลังเผชิญกับภยันตรายของชะตากรรมเดียวกับสหภาพโซเวียต

          ตามการรายงานในวันศุกร์ของสำนักข่าว IRNA ; นายมิคาอิล กอร์บาชอฟได้กล่าวถึงเรื่องนี้ในวันพฤหัสบดีในการประชุมสัมมนาซึ่งจัดขึ้นในกรุงอิสตันบูลโดยนายกเทศบาลเขตพื้นที่ชีชิลี ภายใต้หัวข้อเรื่อง "อนาคตของตะวันออกกลางและทะเลดำ"

          เขากล่าวเสริมว่า : การยึดครองอัฟกานิสถานเป็นความผิดพลาดที่ใหญ่หลวงที่โซเวียตได้ประสบ

          ประธานาธิบดีคนสุดท้ายของสหภาพโซเวียตได้ยอมรับว่าพรรคบอลเชวิค (พรรคปฏิวัติลัทธิมากซ์) ได้ทำลายค่านิยมต่าง ๆ แห่งอิสลามลง โดยเขาสารภาพว่า : ในช่วงสงครามเย็นนั้น ศาสนาได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือและอาวุธ

          นายกอร์บาชอฟชี้ให้เห็นว่าในช่วงที่เขาเป็นประธานาธิบดีนั้น ได้ใช้ความพยายามอย่างมากที่จะชดเชยความผิดพลาดต่าง ๆ พร้อมกับกล่าวว่า : การบุกอัฟกานิสถานเป็นข้อผิดพลาดที่ไม่อาจให้อภัยได้ซึ่งขณะนี้อเมริกาเองกำลังประสบกับข้อผิดพลาดที่เหมือนกันนี้เช่นเดียวกัน

          เขาประเมินว่าการยอมรับรัฐปาเลสไตน์ในฐานะประเทศผู้สังเกตการณ์ที่ไม่ใช่สมาชิกในองค์การสหประชาชาตินั้น แม้จะเป็นย่างก้าวเล็กๆ แต่ถือว่ามีความสำคัญมาก

          การล่มสลายของสหภาพโซเวียต เป็นชื่อเรียกช่วงเวลาระหว่าง ปี ค.ศ. 1985 ถึง ค.ศ. 1991 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นาย มิคาอิล กอร์บาชอฟ เป็นผู้นำของสหภาพโซเวียต เขาได้เดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจและการเมืองของสหภาพโซเวียต ภายใต้โครงการ เปเรสตรอยกา และกลาสต์น็อตซึ่งเป็นการเพิ่มสิทธิเสรีภาพของประชาชน และเปิดโอกาสให้ประชาชนเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนบุคคล ซึ่งการปฏิรูปดังกล่าวทำให้ประชาชนในสหภาพโซเวียตตระหนักถึงเสรีภาพในการดำรงชีวิต ทำให้เกิดการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ. 1991 ในที่สุดการขึ้นสู่อำนาจของกอร์บาชอฟ มิคาอิล กอร์บาชอฟ แม้ว่าการปฏิรูปก่อนหน้านั้นได้ล่าช้าลงในช่วงปี 1964-1982 แต่ว่าการที่คนรุ่นใหม่ได้มีอำนาจแทนคนรุ่นเก่าก็ได้สร้างสภาวะที่เหมาะแก่การปฏิรูปขึ้นอีกครั้ง ความสัมพันธ์ของสหภาพโซเวียตกับสหรัฐอเมริกาที่เปลี่ยนแปลงไปก็ยังเป็นความจำเป็นหนึ่งของการปฏิรูป แม้ว่าประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ได้ล้มเลิกนโยบายประนีประนอมหลังจากที่สหภาพโซเวียตโจมตีอัฟกานิสถาน แต่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียตก็ได้ขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เหตุการณ์วิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา ในสมัยแรกของประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกนในเวลานั้นเอง มิคาอิล กอร์บาชอฟ ก็ได้สนับสนุนนโยบายที่จะนำไปสู่การล่มสลายทางการเมืองของสหภาพโซเวียต โดยการควบคุมเศรษฐกิจผ่านทางนโยบายกลาสนอสต์ (การเปิดกว้างทางการเมือง) เปเรสตรอยกา (การวางโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่) และอุสโคเรนิเย (การเร่งพัฒนาการทางเศรษฐกิจ) เศรษฐกิจของสหภาพโซเวียตก่อนหน้านั้นได้รับผลเสียจากอัตราเงินเฟ้อแฝง และการขาดแคลนวัตถุดิบอันเนื่องมาจากการบริหารที่ไม่มีประสิทธิภาพ นโยบายเปเรสตรอยกาและกลาสนอสต์
           มิคาอิล กอร์บาชอฟ ได้เป็นผู้นำสหภาพโซเวียต นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 1985 ไม่นานหลังจากการเสียชีวิตของคอนสแตนติน เคอร์เชนโก กอร์บาชอฟได้ริเริ่มการปฏิรูปทางการเมืองหลายอย่างภายใต้นโยบายที่เรียกว่า กลานอสต์ ประกอบด้วย การลดความเข้มงวดในการเซนเซอร์ การลดอำนาจหน่วยเคจีบี และการเสริมสร้างความเป็นประชาธิปไตย การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้นั้นมีจุดประสงค์เพื่อกำจัดการต่อต้านการปฏิรูปทางเศรษฐกิจ จากกลุ่มอำนาจฝ่ายอนุรักษ์นิยมภายในพรรคคอมมิวนิสต์ ภายใต้การปฏิรูปนี้ ผู้ที่ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ในพรรคคอมมิวนิสต์จะต้องมาจากการเลือกตั้ง (โดยสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์เอง)ซึ่งเป็นการใช้ระบบนี้ครั้งแรก ท่ามกลางการคัดค้านจากกลุ่มอนุรักษ์นิยม อย่างไรก็ตาม การลดความเข้มงวดในการเซนเซอร์และความพยายามที่จะสร้างการเมืองที่เปิดกว้างมากขึ้นโดยกอร์บาชอฟ ได้ปลุกความรู้สึกชาตินิยมและต่อต้านรัสเซียในสาธารณรัฐเล็กๆ ที่เป็นชนกลุ่มน้อยในสหภาพโซเวียต ในคริสต์ทศวรรษ 1980 เสียงที่เรียกร้องอิสรภาพจากการปกครองจากมอสโกได้ดังขั้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในสาธารณรัฐแถบทะเลบอลติก คือ เอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย ที่รวมกับสหภาพโซเวียตตั้งแต่ปี 1940 โดยโจเซฟ สตาลิน ความรู้สึกชาตินิยมนั้นก็ยังได้แพร่หลายในสาธารณรัฐอื่น ๆ เช่น ยูเครน จอร์เจียและอาเซอร์ไบจาน ขบวนการชาตินิยมเหล่านี้ได้เข้มแข็งขึ้นอย่างมากเมื่อเศรษฐกิจของโซเวียตตกต่ำ รัฐบาลที่กรุงมอสโกนั้นกลายเป็นแพะรับบาปของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ แสดงว่า กอร์บาชอฟนั้นได้ปลดปล่อยพลังที่จะทำลายสหภาพโซเวียตไปแล้วโดยไม่ได้ตั้งใจ

<< Go Back