<< Go Back

ที่มา : http://www.cotton-gtt.com/content-

ผ้าแต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร-4-2695-39171-1.html

               คุณสมบัติของ Cotton : โดยโครงสร้างที่เป็นใยธรรมชาติทำให้มีการซึมซับของเหลว เช่น เหงื่อได้ดีเนื้อผ้าจะนุ่ม ไม่มีความกระด้าง เมื่อโดนความร้อนหรือไฟจะกลายเป็นขี้เถ้าแต่ปัญหาสำคัญของผ้าฝ้ายคือ การยืด หด ย้วย เมื่อใช้งานไปและดูแลรักษาไม่ดีพอแต่ปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาทำให้ปัญหานี้เริ่มจะหมดไป คือ การยืด หด ย้วย ยังมีอยู่แต่น้อยลงและราคาสูง

                คุณสมบัติของ Polyester : โครงสร้างเป็นใยสังเคราะห์ทำให้หาได้ง่ายเนื่องจากเป็นผลพลอยได้จากการกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมี เมื่อโดนความร้อนหรือไฟ จะหดตัว ละลาย เป็นลักษณะพลาสติดละลาย ข้อดีคือราคาไม่แพงไม่ยืด ไม่หด ไม่ย้วย แต่เมื่อใช้งานนาน ๆ ไปจะมีลักษณะปุ่ม ปมของเส้นด้ายขึ้นมาบนตัวผ้า ทำให้ดูไม่ดี

T/C : เป็นการผสมผสานข้อดีระหว่าง Polyester และ Cotton ในอัตรา 65% ต่อ 35% คือซึมซับเหงื่อได้ดี(แต่ไม่เท่าCotton 100%) และไม่ยืด ไม่หด ไม่ย้วย สามารถทนทานต่อการซักเครื่องได้ดี ตัวผ้าไม่ขึ้นเม็ด ปุ่ม ปม ราคาปานกลาง

CVC เป็นการผสมผสานระหว่าง Cotton และ Polyester ในอัตราส่วนโดยประมาณอยู่ที่Cotton 70-85% ต่อPolyester 15-30% เพื่อให้ได้ความนุ่มของผ้าฝ้ายซึมซับเหงื่อได้ดีแต่ยังคงมีอัตราการยืด หด ย้วย อยู่ ราคาสูงใกล้เคียง Cotton

Spandex เป็นการเพิ่มเส้นด้ายเสริมความยืดหยุ่นให้กับเนื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็นผ้าชนิดใดก็ตาม ลักษณะการยืดหยุ่นได้ดีส่วนใหญ่จะผสมอยู่ที่ 5-9% ราคาสูงกว่า Cotton

ผ้านาโนเทค : เป็นผ้าที่สถาบันนาโนเทคโนโลยีวิจัยร่วมกับ มหาวิทยาลัย ผู้ประกอบการเพื่อให้ได้ผ้าคุณภาพของนาโนเทคตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการแอนตี้แบคทีเรีย ป้องกันรังสี UV การระเหยได้อย่างรวดเร็ว ใส่แล้วเย็นสบาย และจุดประสงค์การใช้งานอื่น ๆ ด้วยราคาสูงที่สุดในตอนนี้

1. ใยธรรมชาติ

          1.1 ฝ้าย (Cotton) เป็นใยเซลลูโลสได้จากดอกของฝ้ายผ้าที่ผลิตจากฝ้ายพันธุ์ดีเส้นใยยาวผิวของผ้า จะเรียบเนียนและทนทานคุณภาพของผ้าฝ้ายขึ้นอยู่กับพันธุ์ ความยาวและความเรียบของเส้นใย ใยฝ้ายเองไม่ใคร่แข็งแรงนักแต่เมื่อนำมาทอเป็นผ้าจะได้ผ้าที่แข็งแรง ยิ่งทอเนื้อหนา-แน่นจะยิ่งแข็งแรง ทนทาน ดูดความชื้นได้ดีเหมาะสำหรับทำผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า ผ้าฝ้ายเนื้อบางถึงเนื้อหนาปานกลางใช้เป็นชุดสวมในฤดูร้อนจะรู้สึกเย็นสบาย

คุณลักษณะเด่นของผ้าฝ้ายคือ
• ยับง่าย รีดให้เรียบได้ยาก แต่ปัจจุบันมีการตกแต่ง (Finish) ทำให้ผ้าไม่ใคร่ยับและรีดให้เรียบได้ง่ายขึ้น
• ซักได้ด้วยผงซักฟอก ซักรีดได้ที่อุณหภูมิสูง
• แมลงไม่กินแต่จะขึ้นรา
• ติดไฟ ไม่มียาง ไหม้เหมือนกระดาษ เถ้ามีสีเทา นุ่ม

ที่มา : http://plaza.ladysquare.com/forum_posts.asp?TID=32114

          1.2 ลินิน (linen) ทำจากต้น flax สามารถนำมาผลิตเป็นผ้าที่มีเนื้อบางมาก ๆ จนถึงผ้าเนื้อหนามากเป็นเส้นใยธรรมชาติที่แข็งแรงที่สุดใช้จนผ้าสึกบางจึงขาด ผ้ามีความเงามัน ผิวเรียบแข็ง ดูดซับน้ำได้ดีคุณลักษณะเด่นของผ้าฝ้ายคือ
• ยับง่าย รีดให้เรียบได้ยาก ควรตกแต่งกันยับ
• ซักด้วยผงซักฟอก รีดขณะชื้นที่อุณหภูมิสูง
• ถ้าเก็บผ้าลินินไว้นาน ๆ ต้องม้วนใส่แกนเก็บไว้ เพราะถ้าพับรอยพับจะหัก
• ลักษณะการติดไฟเหมือนฝ้าย

          1.3 ไหม (silk) เป็นเส้นใยโปรทีน ได้จากรัง (Cocoon) ของไหม ผ้ามีความมันนุ่มเป็นเงาไม่ใคร่ยับ คงรูปร่างได้ดีเหมาะสำหรับตัดชุดดูดความชื้นได้ดีมีคุณสมบัติพิเศษคือ สามารถปรับตัวให้เข้ากับอุณหภูมิได้ดีจะรู้สึกเย็นสบายในหน้าร้อน และจะอบอุ่นในหน้าหนาว การซักผ้าไหม ถ้าจะให้คงความเงามัน คงรูปร่างควรซักแห้ง ไหมบางชนิดซักได้ด้วยมือในน้ำสบู่อย่างอ่อน (ผงซักฟอกจะทำลายความเงามันของไหม)ใช้ผ้าหมาด ๆ ปิดทับขณะรีด เผาไฟจะหดหนีไฟ พองตัว ติดไฟได้ เถ้านุ่ม

ที่มา : http://preordersite.com/preordershop/co-เสื้อกันหนาว-ผ้าขนสัตว/

          1.4 ขนสัตว์ (wool) ผลิตจากขนสัตว์หลายชนิด เช่น แกะ แพะ อูฐ และกระต่าย แต่ที่ผลิตมากที่สุดได้แก่ขนแกะ ขนสัตว์จะให้ความอบอุ่นเพราะไม่นำความร้อน ดูดความชื้นได้ดีจึงสามารถถ่ายเทความชื้นจากร่างกาย หรือบรรยากาศทำให้ไม่เหนะหนะเวลาสวมใส่ เมื่อถูกความร้อนและชื้นผ้าขนสัตว์จะเชื่อมติดกันเป็นแผ่น หดทุกครั้งเมื่อเปียก (Progressive Shrinkage) จึงไม่แนะนำให้ซักรีดเอง ควรส่งร้านที่มีความชำนาญในการซักรีดผ้าขนสัตว์ เว้นเสียจากจะมีป้ายที่ติดมากับเสื้อบอกไว้ว่า ซักรีดได้ (Washable) ผ้าขนสัตว์บางชนิดจะตกแต่งกันหด (Shrinkage Control) และป้องกันไม่ให้เชื่อมติดกันเมื่อซักรีด วิธีการดูแลรักษาอย่างง่าย คือใช้แปรงนุ่ม ๆ แปรงฝุ่นออกทุกครั้งหลังการใช้ ถ้าถูกน้ำให้สบัดออกอย่าแปรงขณะผ้าเปียก แขวนในที่มีอากาศโปร่ง อย่าใช้เสื้อผ้าชุดเดียวติดต่อกันหลายวัน เพราะเมื่อขนสัตว์ถูกแรง
ถูไถไปมานาน ๆ จะแข็งเป็นมันบางชนิดขนจะหลุดถ้าจะเก็บผ้าขนสัตว์ไว้ ควรซักแห้งเก็บในถุงพลาสติคผนึกให้สนิท มอด (Moth) ชอบกินขนสัตว์มากผ้าทอขนสัตว์จะผลิตจากด้าย 2 ประเภท ทำให้คุณสมบัติและราคาต่างกันมากผ้าที่ผลิตจากด้าย woolen เรียก woolen fabric ทำจากเส้นใยที่ผ่านการสางครั้งเดียว เส้นใยมีความสั้น ยาว ปนกัน ผ้าค่อนข้างหยาบบริเวณที่ถูกน้ำหนักกดทับเช่น ศอก เข่า ก้นมักจะเป็นโป่งเป็นถูและเรียบเป็นมันผ้าที่ผลิตจากด้าย Worsted เรียก Worsted Fabric ทำจากเส้นใยที่ผ่านการสางสองครั้ง เส้นใยเล็กยาว ละเอียด ด้ายเข้าเกลียวแน่น ผ้าเนื้อเบาละเอียดราคาแพง กว่า Woolen มาก

นอกจากชนิดของเส้นด้ายแล้ว ยังมีการระบุชนิดของขนสัตว์ดังนี้
Virgin Wool หมายถึง ผ้าหรือผลิตภัณฑ์ขนสัตว์ซึ่งผลิตจากขนสัตว์ใหม่ที่ยังไม่เคยนำไปผลิตอะไรมาก่อน
Re-processed Wool หมายถึงขนสัตว์ที่ได้จากเศษเส้นใยเส้นด้ายหรือผ้าที่ยังไม่ผ่านการใช้นำมาตะกุยทำใหม่ 
Re-used Wool หมายถึง ขนสัตว์ที่ได้จากการนำเส้นใย เส้นด้ายหรือผ้าที่ผ่านการใช้มาแล้ว นำมาผลิตใหม่การเผาไฟ มีลักษณะเหมือนไหม

2. ใยสังเคราะห์จากสารเคมี 

           ใยสังเคราะห์จากสารเคมีทุกชนิด จะมีคุณสมบัติเป็น thermoplastic fiber คือเมื่อถูกความร้อนสูงจะละลายจึงต้องซักรีดด้วยอุณหภูมิต่ำ ไม่ดูดความชื้น ใส่แล้วเหนอะตัว นอกจากจะตกแต่งให้ดูดความชื้น หรือถัก ทอโปร่งให้อากาศถ่ายเทเข้าออกได้ เช่น เสื้อ 
T-shirt ซีกรีดง่าย แห้งเร็ว ไม่ยับหรือไม่ใคร่ยับ

            2.1 ไนลอน (Nylon) Dr. W. H. Carothers แห่งบริษัท Du Pont อเมริกา ค้นพบเมื่อ 1930 ครั้งแรกได้เป็นเส้น ๆ นำมาทำแปรงสีฟันในปี
ค.ศ. 1940 ผลิตเป็นถุงน่องสตรี หลังจากนั้นได้พัฒนาเป็นเสื้อผ้าและของใช้มากมายหลายชนิดเส้นใยมีความเหนียวแข็งแรงทนทานมาก ยืดหยุ่นง่าย เมื่อถูกไฟจะละลายไม่ใคร่ไหม้ออกจากไฟจะดับเถ้าเป็นก้อนแข็งบีบไม่แตก

          2.2 โพลิเอสเตอร์ (Polyester) เส้นใยยาวมีลักษณะนุ่ม เงามัน เส้นใยสั้นมีลักษณะคล้ายฝ้าย และขนสัตว์ จึงเป็นเส้นใยที่ใช้เลียนแบบ และผสมกับเส้นใยอื่นได้ดี ใช้มากในวงการอุตสาหกรรมเสื้อผ้า ดูดความชื้นได้น้อย น้ำหนักเบาไม่ใคร่ยับ รีดจับจีบถาวรได้มักผลิตเป็นผ้าประเภท Wash and Wear คือ รีดเพียงเล็กน้อย หรือไม่จำเป็นต้องรีด ปัญหาที่พบคือ ถ้าผลิตจากใยสั้นใช้ไปแล้วจะเป็นขุยเมื่อเผาจะละลายเป็นยางสีดำ ถ้าเผาจนสิ้นสุดเถ้าบางส่วนจะกรอบ

         2.3  อไครลิคและโมดาไครลิค (Acrylic & Modacrylic) มีคุณสมบัติคล้ายกันแต่โมดาไครลิคไม่ติดไฟ ปัจจุบันได้เติมสารป้องกันการติดไฟในขบวนการผลิตอไครลิคลักษณะคล้ายขนสัตว์ ใช้ทำขนสัตว์เทียม ผลิตผ้าที่มีขน ย้อมสีสวยงามและหรูหรา ดูแลรักษาง่าย ไม่เชื่อมติดกัน ไม่หด แห้งง่าย ทนต่อการซักฟอก นิยมใช้ทำเสื้อเวตเตอร์ ผ้าห่ม ถุงเท้า เสื้อผ้าขนหนา ๆ ฟูฟุ พรมปูพื้น ผสมกับเส้นใยขนสัตว์ทำให้น้ำหนักเบาดูแลรักษาง่ายขึ้น อะไครลิคเมื่อเผาไฟ จะละลายไหม้เป็นยาง

          สแปนเด็กซ์ (Spandex) เป็นใยยางสังเคราะห์ที่รู้จักกันในนาม Lycraดึงยืดได้ 6-7 เท่าของความยาวเดิม ต้านทานแรงดึงได้สูง ใช้ทำเครื่องรัดทรงสตรี ยางยืดและกิจการแพทย์

3. ใยสังเคราะห์จากวัตถุธรรมชาติ  ทั้งเรยอนและอซิเตทเป็นใยเซลลูโลสประดิษฐ์จากเศษใยฝ้ายและหรือเศษเนื้อไม้

          3.1 เรยอน (Rayon) ต้นทุนการผลิตค่อนข้างถูกสามารถผลิตเส้นใยที่ใช้เลียนแบบเส้นใยอื่นได้ดี เมื่อผสมกับเส้นใยอื่นทำให้ผ้าถูกลง นุ่ม สวยงาม เรยอนมีคุณสมบัติคล้ายใยธรรมชาติ เป็นผ้าที่ยับง่าย คลายยับยาก รีดเรียบทิ้งไว้จะลู่ลงมา เส้นใยมีความเงามันคล้ายไหม ดูดซับน้ำได้ดี เปื่อยง่าย ติดไฟได้รวดเร็ว ลักษณะการไหม้จะคล้ายฝ้ายแต่ไหม้ได้เร็วกว่า

          3.2 อซิเตท (Acetate) ผ้าเนื้อนุ่ม เป็นเงามันส่วนใหญ่ใช้ทำผ้าแพรต่วน มักผสมกับอซิเตทเข้ากับเส้นใยอื่น เพื่อลดต้นทุนหรือเพิ่มคุณสมบัติของเส้นใย เช่น
• ผสมกับขนสัตว์ ทำให้ผ้าคงรูปดี เหนียว ราคาถูกลง
• ผสมกับเรยอน ทำให้ยับน้อยลง เหนียว คงทนขึ้น ผ้ารักษารูปทรงได้ดีขึ้น รีดให้เรียบได้ง่ายขึ้น
อซิเตท มีคุณสมบัติคล้ายใยสังเคราะห์จากสารเคมี ไม่ใคร่ยับ ไม่หด ไม่ใคร่ดูดความชื้น ใส่แล้วเหนอะหนะ แต่จะดูดซึมของเหลวได้ดี รีดให้เรียบได้ง่ายแต่ต้องใช้อุณหภูมิต่ำเพราะไม่ทนความร้อน ถูกความร้อนสูงจะละลาย ละลายใน Acetone และยาล้างเล็บ

<< Go Back